วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551

อันตรายจากลิปสติก


อย่าเห็นแก่ของถูก ดังคำกล่าวที่ว่า "ของดีราคาถูกไม่มีในโลก" แต่ก็คงไม่ทั้งหมดเอาเป็นว่าส่วนใหญ่แล้วกัน ใครที่นิยมซื้อของลดราคาก็เพิ่งระลึกไว้เลยว่า แบรนด์ดังที่นำสินค้ามาลดราคาส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าใกล้หมดอายุหรือบางครั้งก็หมดอายุ ซึ่งสินค้าเหล่านี้นอกจากจะหมดประสิทธิภาพแล้วยังอาจทำให้หน้าพังยับเยินได้ นอกจากนี้อันตรายจากเครื่องสำอางค์ยังก่อให้เกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะลิปสติกตามท้องตลาดหลายแบรนด์ มีการตรวจพบว่ามีสารตะกั่วปนเปื้อนซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ โดยเฉพาะลิปสติกติดทนนานแต่มีเทคนิคง่ายๆในการตรวจสอบว่าลิปสติกแท่งโปรดของคุณมีสารตะกั่วปนเปื้อนหรือไม่

วิธีการตรวจสอบง่ายๆด้วยตนเอง

1. ทาลิปสติกลงบนมือ

2. ใช้แหวนทองคำถูลงบนลิปสติกนั้น

3. ถ้าลิปสติกเปลี่ยนเป็นสีดำ "รู้ได้ว่าลิปสติกนั้นมีส่วนผสมของตะกั่ว"

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

อกหัก


คำว่า"อกหัก"...ใครที่รักใครไม่เป็นก็คงไม่รู้จักคำนี้...และคำว่า"อกหัก"...ถ้าใครมีความรักที่สมหวัง ก็จะไม่รู้จัก คำ ๆ นี้เช่นกัน...



ในเมื่อคนสองคนที่มีใจที่ตรงกัน ได้มารักกัน ได้เดินทางในเส้นทางเดียวกัน...
ต่อมาระยะหนึ่ง...ความรักที่มีนั้น ไม่เหมือนเดิม ใจไม่ตรงกัน อาจเพราะว่า ใครคนใดคนหนึ่ง มีใจไม่เหมือนเดิม หรืออาจจะเป็นว่า ทั้งสองคนร่วมใจกันใจไม่ตรงกัน...เป็นการใจตรงกันครั้งสุดท้าย.. คนสองคนหมดรักกัน และจากกันไป เพื่อ "ไปเดินในเส้นทางใหม่"ที่ตนต้องการ..
กรณีคนอกหักเป็นประเภท...เราใจเหมือนเดิม แต่เขา เปลี่ยนไป... เหมือนโลกทั้งโลก...ทะลายไป...รู้สึกว่า ตัวเองไม่มีค่า คิดแต่ว่า " ฉันผิดอะไร? "เขาทำไมจากไป ทำไม ทำไม และทำไม ณ เวลานั้น คนอกหัก จะกลายเป็นคนช่างคิดช่างตั้งคำถาม คิดอะไรรกหัวไปหมด..แต่ออกจะคิดแคบไปหน่อย คิดแต่เรื่องเขาคนนั้น...ด้วยคำถามว่า...ทำไมตัวอย่างของคำถามจากคนอกหัก...ที่ต้องการคำตอบจากเขา (แต่เขาไม่อยู่ให้ตอบคำถาม)


1. ทำไมถึงเลิกกับเรา?


2. เธอมีใครใหม่หรือ?


3. เธอจะคิดถึงฉันไหม?


4. ทำไมเหงาอะไรอย่างนี้นะ...เธอล่ะ?


5. เธอทำอะไรอยู่นะ...? ฯลฯ



คิดโทษแต่ตัวเอง....ร้องไห้...ร้องไห้....และร้องไห้....เหมือนคนบ้า.....อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้.....ทำตัวห่อเ**ยว เสมือนหมดแรงเพราะทำงานตรากตรำ......สมองฝ่อไปชั่วขณะ.......บางที สำหรับบางคน.....ไม่รู้ว่าใช้สมองส่วนไหนคิด...เขาคิดทำร้ายตัวเอง บางคนถึงกับชีวิตก็มี เพื่ออะไร?.......พวกนี้ไม่รู้จักใช้สมองอันน้อยนิดที่ปลายนิ้วมือคิดเลย...(จริง ๆ)


เสียใจกับความรักที่มันไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมน่ะได้....แต่อย่าเสียใจนานนัก...
เราเสียใจ...ร้องไห้....ทำร้ายตัวเอง จะมากน้อยเท่าไร "เขาคนนั้นไม่มารับรู้อะไรด้วยหรอก"
ขณะที่คุณร้องไห้...เสียใจ คิดถึงแต่เขา นึกถึงแต่เขา...คุณทำร้ายตัวเอง....เขาคนนั้น กำลังนึกถึงคนอื่น มีความสุขอยู่กับรักใหม่ของเขา โดยที่เขาไม่ได้นึกถึง ไม่ได้คิดถึงคุณแม้แต่น้อยนิดเลย... ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว...คิดอะไรได้รึยัง?****


คิดซะ...เขาคนที่ทำเราร้องไห้ได้น่ะ ไม่ได้มีค่าอะไรเลย กับชีวิตที่มีค่าของเรา อยู่มาได้อายุเท่านี้ ก่อนหน้านี้ไม่มีเขาเราก็ไม่ตาย ประสาอะไรกับตอนนี้ ณ วินาทีนี้ เราจะไม่มีเขาแล้ว จะเป็นอะไรไป... ชีวิตมีค่า เวลาที่มีอยู่ใช้ให้คุ้ม กับคนที่เขาหวังดี รักเรา เถอะนะ...รักตัวเองให้มากขึ้น...มองโลกให้กว้างกว่านี้ แล้วคุณจะเห็นอะไรดี ๆ มากมาย
คนรอบ ๆ ข้างคุณ เพื่อน ๆ คุณ ก็ช่วยให้คุณหัวเราะได้แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น....มีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นแหล่ะ...ที่จะช่วยให้ตัวคุณเองยิ้มและหัวเราะได้...
หาอะไรทำเพื่อที่จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านกับเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นซะ....ถึงแม้มันจะเหมือนการหลอกตัวเอง หลอกคนอื่นว่าคุณทำใจได้ แต่ว่า มันก็ดีซะกว่า คุณไม่รักตัวเอง....

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน



ทำไมประจำเดือนจึงมาไม่สม่ำเสมอ

ปัญหาความคลาดเคลื่อนของประจำเดือน มักทำให้เกิดความวิตกกังวลไปต่าง ๆ นานา แต่สาเหตุหลัก ๆ มักมาจากความเครียด ทำงานหนัก นอนน้อย หรืออาจจะเกิดจากการลดน้ำหนักจนขาดสารอาหาร ซึ่งทำให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องการเจริญพันธ์ผิดเพี้ยนได้ แม้จะไม่อันตรายนัก แต่หากประจำเดือนขาดหายไปนาน และมั่นใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะอาจเกิดจากการไม่มีไข่ตก เนื่องจากความไม่สมดุลทางฮอร์โมนก็เป็นได้
รอบเดือนปกติของผู้หญิงคือกี่วันโดยทั่วไป

รอบประจำเดือนของผู้หญิงอยู่ที่ 28 วันแต่ส่วนใหญ่จะตกอยู่ในช่วง 21-35 วัน และถ้านานเกินกว่า 2 เดือน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ

ปัญหาเลือดออกกระปริบกระปรอย

ส่วนใหญ่มักเกิดจาก การใช้ยาคุมกำเนิด โดยเฉพาะในคนที่ใช้ยาคุมครั้งแรก อาจมีอาการเลือดออกกระปริบกระปรอยได้ แต่อาการดังกล่าวมักจะหายไปเมื่อร่างกายปรับตัวเข้ากับฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดได้ ซึ่งมักจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ถ้ายังอาการอยู่นานกว่า 4 เดือนก็ควรจะไปพบแพทย์ค่ะ เพราะอาการเลือดออกกระปริบกระปรอย อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งปากมดลูกก็เป็นได้ แต่โรคนี้สามารถวินิจฉัยได้โดยวิธี Pap Smear นอกจากนี้โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด เช่น โรคหนองใน ก็อาจมีอาการเลือดออกกระปริบกระปรอยได้เช่นกัน
ประจำเดือนมามากกว่าเดือนละครั้ง ผิดปกติหรือไม่

ผู้หญิงบางคนอาจมีประจำเดือน เดือนละ 2 ครั้งก็เป็นไปได้ ซึ่งมีสาเหตุมาจากความหงุดหงิด การงานที่รัดตัว ทำให้เกิดความเครียด ส่งผลให้ฮอร์โมนของร่างกายปั่นป่วน ทำให้มีเลือดออกในช่วงกลางรอบเดือน หรือช่วงที่ไข่ตก แต่ในบางรายก็อาจเกิดจากปัญหาเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่ ซึ่งมักจะมีอาการปวดบริเวณเชิงกรานและหลังร่วมด้วย ซึ่งควรแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง
ประจำเดือนมามากและนานหลายวัน

โดยปกติแล้ว ผู้หญิงเราจะมีประจำเดือนนาน 7 วัน โดย2 วันแรกจะมีปริมาณค่อนข้างมาก แต่ถ้ามีประจำเดือนนานกว่า 8 วันและยังมีปริมาณมาก แม้จะเลย 2 วันแรกไปแล้ว ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย เพราะอาจเกิดจากเนื้องอกในบริเวณมดลูก ซึ่งต้องรักษาโดยการผ่าตัด

ประจำเดือนมาน้อยมาก ผิดปกติหรือไม่

ถ้าประจำเดือนมาสม่ำเสมอ แม้จะมีน้อย ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะแสดงว่าร่างกายมีการตกไข่ตามปกติ แต่ที่มีปริมาณน้อยนั้น มักพบในคนที่ใช้ยาคุมกำเนิด หรือผู้หญิงที่มีอายุมาก แต่หากมีปริมาณน้อยจนผิดปกติ โดยที่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิด ก็อาจเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนได้เช่นกัน

ห้ามออกกำลังกายในขณะที่มีประจำเดือน จริงหรือไม่

ประจำเดือนนั้น เกิดจากการลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก และจะมีอาการมดลูกบีบตัวรุนแรง จึงทำให้เกิดอาการปวดท้องได้ ในขณะที่ การออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอนเดอร์ฟิน ซึ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายหายเครียด และช่วยแก้ปวดได้ทุกชนิด เรียกว่ามีสรรพคุณเทียบเท่ายาแก้ปวดขนานเอกกันทีเดียว จึงดูไม่มีเหตุผล ที่จะเป็นข้อห้ามไม่ให้ยืดเส้นยืดสายในช่วงวันนั้นของเดือนแต่อย่างใด

ทำไมจึงห้ามไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันนั้นของเดือน

จริงๆ แล้วอาจจะไม่มีข้อห้าม แต่มีข้อควรระวัง เพราะในช่วงที่มีรอบเดือน เป็นช่วงที่ปากมดลูกเปิด เพื่อให้ประจำเดือนไหลออกมา และประจำเดือน ก็เป็นอาหารอันโอชะสำหรับเชื้อแบคทีเรีย จึงเป็นระยะที่เสี่ยงกับการติดเชื้อได้ง่าย ถ้าจะมีอารมณ์รักในช่วงนี้ ก็ควรระวังเรื่องของความสะอาด โดยให้เขาทำความสะอาดของรักของเขาเสียก่อน และควรหลั่งภายนอก เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง แต่จะให้ชัวร์ ๆ ก็ควรใช้ถุงยางอนามัย แค่นี้ก็มีความสุขกับวันนั้นของเดือนได้ และมั่นใจกับเรื่องความปลอดภัย

มีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันนั้นของเดือน จะท้องหรือเปล่า

การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันนั้นของเดือน ส่วนใหญ่มักจะปลอดภัยจากการตั้งครรภ์ ยกเว้นในผู้หญิงบางรายที่มีประจำเดือน เดือนละ 2 ครั้ง โดยจะมีเลือดออกในช่วงที่มีไข่ตก หรือในช่วงกลางรอบเดือน และเข้าใจผิดว่า นั่นคือประจำเดือน ที่เกิดจากการลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก เมื่อมีเพศสัมพันธ์กันในวันนั้น ก็มีโอกาสท้องได้มากทีเดียว เพราะเป็นระยะที่มีการตกไข่ ถ้าจะให้มั่นใจจริง ๆ ก็ควรใช้ถุงยางอนามัย นอกจากไม่ต้องกังวลกับเรื่องท้องแล้ว ยังปลอดโรคอีกด้วยค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ผลไม้ 7 ชนิด

…..สำหรับคุณผู้หญิง เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคุณสาวๆ ขอแนะนำผักผลไม้ 7 ชนิดสำหรับคุณผู้หญิงที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีสารที่เป็นประโยชน์แก่หญิงทุกวัยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย ดังนี้
1.ลูกพรุน (Prunes)


ลูกพรุนเป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด ผู้หญิงเราเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิตคือวัยยี่สิบห้า ร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมโทรม ไข มันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ มากมายใบหน้าที่เคยอวบอิ่มด้วยเลือดฝาดก็เริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณจะเป็นสีชมพู - ระเรื่อหรือซีดโทรมเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น ผิวมีความหนามากขึ้นตามวัยจนมองไม่เห็น เลือดฝาดหรือเลือดไม่มีให้ฝาด คือเป็นโรคโลหิตจางนั่นเอง พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดีพรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78 มิลลิกรัม และมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการ ดูดซึมธาตุต่าง ๆเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น หากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ ริมฝีปากแดงสด เหมือนสตรอเบอรี่แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง ดูเป็นคนที่มีสุขภาพดี สมบูรณ์ ด้วยเลือดฝาด ลองรับประทานลูกพรุนสดๆ หรือลูกพลัมดูสิค่ะ ไม่เลวเลยทีเดียว

2.ถั่ว

ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสม"ถั่วช่วยคุณได้ค่ะ" ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบีนอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่า เมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้(ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่ม-นานความอยากอาหารจะลดลง ซึ่งแน่นอนว่ามีประโยชน์กับคุณสุภาพสตรีที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมาก
3.บรอคโคลี่

เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลายเพราะบรอค-โคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติซึ่งเจ้าตัวซีลีเนียมนี้แหละค่ะที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ ซีลี-เนียมจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนังจึงทำให้ผิวดูอ่อนวัย นุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาวแถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย

4.กล้วยไข่

กล้วยทุกชนิดดีต่อสุขภาพ แต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีนโดยธรรมชาติเมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงักความเสื่อมในส่วนต่างๆของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองมีสองสิ่งที่สำคัญเกิดขี้นในร่างกายของเรา ซึ่งก็คือสิ่งแรก เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้นสิ่งที่สองความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้น ความสามารถในการจำกัดอนุมูลอิสระ(Detoxification) ก็ลดลงอย่างน่าตกใจเช่นกันดังนั้น กลยุทธ์ที่คุณจะสู้กับความแก่ด้วยตนเองก็คือคุณต้องรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระให้มากซึ่งสารนี้เรารู้จักในชื่อที่ เรียกว่าแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidants)ซึ่งในกล้วยไข่ 1 ขีด มี สารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม
5.ฝรั่ง

คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบหรือไม่คะว่าฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึง ไม่แก่ก่อน วัย วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เองที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสติน เสื่อมสภาพ ผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซีมีความสำคัญต่อการสร้าง และ บำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissue)เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่าคอลลาเจนี มันคือคอลลาเจนตัวเดียวกัน กับคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเองและเพราะฝรั่งอุดมไปด้วย วิตามินซีนั่นเอง คุณๆทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆ น่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำนะคะ

6.แอปเปิ้ล


มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ "เพคติน" แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือเจ้าตัว "เพคติน" นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนักและลดโคเลสเตอรอล หากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็ว และนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาทีดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทำให้คุณไม่รู้สึกหงุดหงิด หรืออ่อนเพลียแอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้เพราะแอปเปิ้ลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ผลจากการวิจัยชี้ว่าเมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมันและแยกโคเลส-เตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้วเพคตินจากแอป-เปิ้ลจะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้นและพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าร่างกาย


7.ส้ม


แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรม-ชาติการรับประทานส้มโดยไม่คายกาก จะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็วเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำ หนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโตหรือโดนัทชิ้นใหญ่ ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วยนะคะ

ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นสำหรับคุณๆ ผู้หญิงทุกท่านที่ต้องการรักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้งเจ็ดนี้แล้ว ผักและผลไม้อื่นๆก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกาจึงได้แนะนำขนาดในการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวันว่าควรจะรับประทานรวมกันให้ได้วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆ ทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใสปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกวนค่ะ

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

แบบทดสอบเมื่อคุณมีรัก


สมมุติว่าเธอกำลังเดินเล่นอยู่ในป่าหิมะ กวาดสายตาไปเรื่อยๆ ก็มองเห็นแสงระยิบระยับอยู่บนพื้นที่ใต้ต้นไม้แต่ไกล และเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ พบว่าเป็นพวงกุญแจทอง เธอได้ก้มลงไปหยิบ เธอคิดว่ามันมีกี่ดอก ?(1-10)
จากนั้นได้เดินต่อไปเรื่อยๆ เธอก้อเห็นปราสาทหลังหนึ่งตั้งโดเด่นเป็นสง่า เธอคิดว่ามันเก่าหรือใหม่?

เธอเดินไปสำรวจในปราสาทพบว่ามีบ่อน้ำอยู่ 1 บ่อ มองเห็นสร้อยคอ เครื่องประดับหลายชิ้น ส่องประกายระยับระยับอยู่ในนั้น เธอคิดว่าเธอจะหยิบหรือไม่หยิบ?
และใกล้ๆ บ่อน้ำที่มีสร้อยและเครื่องประดับ มีบ่อน้ำอีกบ่อ ในนั้นมีเงินอยู่มากมาย เธอคิดว่าเธอจะหยิบหรือไม่หยิบ?


เธอเดินสำรวจไปเรื่อยๆ สายตาเหลือบไปเห็นประตูทางออกเธอจึงเดินออกมา และก็พบสวนขนาดใหญ่ มีกล่องตั้งอยู่ 1 ใบ เธอคิดว่ามันมีขนาดเท่าใด (ใหญ่/กลาง/เล็ก)ทำมาจากอะไร (เหล็ก/ไม้/กระดาษ)
-----------------------มาดูเฉลยกัน-----------------------






จำนวนของกุญแจ บอกถึง จำนวนเพื่อนแท้ที่มีอยู่



ปราสาทเก่า บอกถึง ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาระหว่างเธอกับคนรักว่า จบลงไม่ค่อยดีนัก เธอเองก็ไม่อยากจะนึกถึงมัน



ปราสาทใหม่ บอกถึง ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดของเธอกับคนรักเป็นไปในทางที่ดีถึงแม้ว่ามันจะจบไปแล้วก้อตามทว่าเธอเองก้อยังมีความรู้สึกดีๆหลงเหลืออยู่และรู้สึกดีที่คิดถึงมัน



หยิบสร้อย บอกถึง ว่าเธอมีคนรักอยู่ข้างๆเธอก็ยังเล่นหูเล่นตากับคนน่าตาดีที่ผ่านไปผ่านมาอยู่เสมอ



ไม่หยิบสร้อย บอกถึง เวลาเธออยู่กับคนรัก เธอมักจะมองแต่เขาเพียงคนเดียว และใช้เวลาอยู่กับเขาให้มากที่สุด ประมานว่าโลกนี้มีเพียงเราสอง



หยิบเงิน บอกถึงว่า เมื่ออยู่นอกสายตาคนรัก เธอมักจะแอบทดสอบเสน่ห์เรื่อยๆเหมือนได้ออกจากคุก



ไม่หยิบเงิน บอกถึงว่า แม้ว่าคนรักจะไม่ได้อยู่ข้างๆ เธอก้อยังซื่อสัตย์และภักดีต่อเขาจะไม่เผลอปันใจให้ใครอื่นทั้งนั้น



กล่องใหญ่ ระดับ Ego ในตัวเธอสูงมากๆ



กล่องกลาง ระดับ Ego ในตัวเธอพอประมาน



กล่องเล็ก ระดับ Ego ในตัวเธอมีนิดหน่อย



กล่องเหล็ก เธอมีความภูมิใจในตัวเองสูงจนบางครั้งก็ดูเย่อหยิ่ง



กล่องไม้ หรือ กระดาษ เธอนั้นช่างถ่อมตัว


จบแล้วค่ะเป็นไงบ้างค่ะตรงกันบ้างหรือเปล่าค่ะถ้ายังไงก็แสดงความคิดเห็นได้นะค่ะ.......

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ภาษารัก



คู่รักจำนวนไม่น้อยเลยที่สร้างความรักขึ้นมาด้วยใจ สานสัมพันธ์สายใยกันด้วยชีวิต แต่กลับทำลายด้วยภาษาอันไม่เข้าท่าแลไม่ควร จนเกิดความเสียหายที่ไม่ปราถนาตามมามากมาย ภาษารักจึงเป็นระบบการสื่อสัมพันธ์ของคนทั้งสอง ให้ตรงตามจริงและตามวัตถุประสงค์มุ่งหวัง เป็นภาษาที่ต้องรู้ เข้าใจ ฝึกให้ดี ใช้ให้เป็น และบริหารให้เกิดประโยชน์


1.ภาษาใจ เป็นการส่งรับด้วยจิตนิ่งเป็นหนึ่ง เมื่อจิตว่าง การรับรู้จะชัดเจน แจ่มใส และแม่นยำ การส่งการรับภาษาใจนี้จะก่อให้เกิดความเข้าใจ และความประทับใจในความสัมพันธ์กันมาก ซึ่งเป็นความจำเป็นพื้นฐานของคนสองคน ที่จะเป็นคู่ชีวิตใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

2.ภาษาสายตา เป็นภาษาที่ลึกซึ้งและเที่ยงตรงที่สุดเพราะหลอกกันไม่ได้ วิธีการส่งภาษาใจออกมาเป็นภาษาตานั้น เพียงแผ่ความรู้สึกลึกๆในใจออกมา ความรู้สึกนั้นก็จะฉายออกมาทางแววตา แววตาของมนุษย์สามารถบอกสิ่งต่างๆมากมาย จนกล่าวว่า "ดวงตา คือหน้าต่างของหัวใจ"

3.ภาษายิ้ม ยิ้มเป็นสิ่งที่บ่งบอกและแสดงความเป็นไปของผู้ยิ้ม การกำหนดยิ้ม เกิดจากสภาวะทั้งภายใน ภายนอก และจากอุปนิสัย โดยแบ่งเป็น 3 แบบของยิ้ม คือ ยิ้มแบบมีความสุข ยิ้มแบบเหนื่อยๆ และยิ้มแบบขอไปที การยิ้มมีทั้งประโยชน์และโทษ ดังนั้นเราจึงควรฝึกยิ้มให้มีเสน่ห์ และมีความสุข ดังนี้

1) ยิ้มจากใจ
2) ยิ้มหมด
3) ยิ้มเปล่งประกาย
4) ยิ้มให้พอดี
5) ยิ้มให้ปรากฎ
6) ยิ้มให้ถูกกาละเทศะ
7) ยิ้มให้ถูกวัตถุประสงค์
8) ยิ้มอย่างทรงพลัง
9) ยิ้มทั้งตา

4.ภาษาวาจา คำพูดทุกคำที่เปล่งออกมาจะมีพลังอยู่ในตัว และซึมซาบเข้าสู่ผู้ฟัง สามารถใช้สร้างสรรค์หรือทำลายก็ได้ พลังแห่งคำพูดมี 2 องค์ประกอบ คือ พลังแห่งเสียง และพลังแห่งความหมาย ดังนั้นจึงต้องกลั่นกรองวาจาก่อนเจรจาใดๆ ทุกครั้งที่พูดให้ใคร่ครวญในสิ่งที่พูดว่าเป็นจริงหรือเปล่า เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ความเข้าใจที่ถูกต้องจะต้องอยู่บนพื้นฐาน ของความจริงเท่านั้น การพูดเท็จจึงเป็นการสร้างความเข้าใจผิด และเป็นการทำลายระบบสัจจะ ก่อให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งนี้อย่าคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจความหมายได้เอง ภาษาวาจามีอานุภาพมาก มีทั้งประโยชน์และโทษถ้าไม่ระมัดระวังคำพูด ดังนั้นทุกครั้งที่พูดควรกลั่นกรองคำพูด เพื่อจรรโลงใจยังความรักให้งอกงามสถาพร

5.ภาษาท่าทาง ท่าทางอันจรรโลงรักให้ภาคภูมิ งดงาม และยังความมั่นใจในสัมพันธภาพ คือ 1) บุคคลิกอันงามสง่า 2) กิริยาที่สำรวม 3) อิริยาบถอันสมดุล 4) ท่วงท่าอันมั่นคง 5) ท่าทีจริงจังที่ปล่อยวาง จึงจะได้ความมั่นคงอันอบอุ่น และความสบายใจอันเป็นรากฐานแห่งความสุข

6.ภาษาสัมผัส เป็นอีกระบบภาษาหนึ่งที่คู่รักชอบใช้กัน เช่นการโอบกอด ภาษาสัมผัสเป็นการถ่ายทอด หรือแลกเปลี่ยนพลังระหว่างบุคคล การสัมผัสควรพิถีพิถันบรรจง อ่อนโยน ทะนุถนอม นุ่มนวลและหนักแน่นเป็นการเกื้อกูลกันให้เกิดพลังมาก สมานสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น

7.ภาษาพฤติกรรม รักแท้ที่จริงมิใช่คำพูด แต่ต้องฉายออกมาจริงทุกระดับทั้งใจ แววตา ยิ้ม วาจา ท่าทาง สัมผัส และพฤติกรรม ดังนั้นภาษาพฤติกรรมจึงเป็นภาษารักแห่งยั่งยืน

8.ภาษาสัมพันธ์ คือการจัดสมดุลให้แก่ชีวิตคู่ ให้สัมพันธภาพคงอยู่เสมออย่างบริสุทธิ์ใจ มั่นคง ลงตัว เข้ากันได้อย่างดี ให้คู่รักทั้งสองร่วมกันพัฒนายิ่งๆขึ้น จนกว่าสัมพันธภาพนั้นนิรันดร

9.ภาษาแห่งความสงบ ในบรรดาภาษาทั้งหลาย ภาษาแห่งความสงบเป็นภาษาที่ทรงอานุภาพสูงสุด เมื่อใดที่เข้าถึงความสงบได้ ความสุขจึงปรากฎ ความเข้าใจเที่ยงตรงตามจริงจึงแจ่มชัด ความตั้งใจเชิงสร้างสรรค์จึงพรั่งพรู จรรยามารยาทอันงดงามจึงส่องแสง ความอ่อนโยนจึงยังความอบอุ่นให้บังเกิดสัมผัสจึงทราบซึ้ง สัมพันธภาพจึงมั่นคง ดังนั้นภาษาแห่งความสงบจึงเป็นที่สุดแห่งภาษารักทั้งมวล


ดังนี้เองการสื่อภาษารักใดๆนั้นจะทรงพลัง มีค่าความเที่ยงตรง ความละเอียดอ่อน และความลึกซึ้ง ขึ้นอยู่กับพลังชีวิตและระดับจิตใจของแต่ละคน ต่อไปนี้ขอทุกท่านที่พึงประสงค์มีรักแท้ที่ยิ่งใหญ่ จงหมั่นฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่สื่อภาษาอย่างประเสริฐ ล้ำค่าและทรงพลัง ก็จะนำมาซึ่งความถูกต้องตรงตามเจตนา บนฐานของความจริงใจ สามารถสานสัมพันธ์กันได้ดียิ่งขึ้น และรักกันตราบนานเท่านาน ยั่งยืนสถาพร

สิวเกิดได้ไง ?




สาเหตุของสิว


เมื่อร่างกายเริ่มผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน มักเกิดขึ้นในช่วงก่อน/หลังมีประจำเดือน ซึ่งจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวขยายใหญ่ขึ้น เมื่อต่อมไขมันถูกขยายใหญ่ขึ้น จะมีน้ำมันที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตามธรรมชาติของผิว ถูกผลิตออกมามากเกินไป และในขณะที่น้ำมันเดินทางจากต่อมไขมันสู่ปากรูขุมขน เกิดไปผสมเข้ากับแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอยู่ในรูขุมขน ทำให้เกิดการเข้มข้นเป็นพิเศษจึงเกิดการอุดตันรูขุมขน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ตามปกติ เซลล์ที่ตายแล้วในรูขุมขนจะค่อย ๆ ถูกกำจัดออกสู่ปากรูขุมขนโดยน้ำมันหรือเหงื่อ แต่เมื่อฮอร์โมนแอนโดรเจนกระตุ้นให้ต่อมไขมันใหญ่ขึ้นและผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เซลล์ผิวหนังในรูขุมขนก็จะผลิตและตายเร็วขึ้นด้วย เมื่อมีเซลล์ที่ตายอยู่มาก ก็จะเกิดการอุดตันในรูขุมขนมากขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อรูขุมขนเกิดอุดตัน บวกเข้ากับเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งปกติแล้วก็อาศัยอยู่ตามผิวหนังและรูขุมขน แต่เมื่อเกิดการอุดตัน เชื้อแบคทีเรียซึ่งไม่ชอบออกซิเจน ก็จะแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็วผิดปกติ จนเกิดเป็นสาเหตุของการอักเสบในรูขุมขนขึ้น เมื่อเกิดการอักเสบขึ้นแล้ว เม็ดเลือดขาวในร่างกายก็จะฆ่าแบคทีเรีย ทำให้สิวเกิดเป็นตุ่มแดง บวม เจ็บ และเกิดเป็นหัวหนองในที่สุด

วิธีรักษา


สิวถ้ามัวแต่แก้ไขเฉพาะสิวที่เห็นภายนอกโดยไม่สนใจรักษาที่ต้นเหตุซึ่งอยู่ใต้ผิวหนัง การรักษาใดๆก็ไม่ได้ผล เช่น ใช้ผลิตภัณฑ์ทำให้หัวสิวแห้งเพียงอย่างเดียว ซึ่งนอกจากสิวจะไม่ยุบและไม่สามารถดูดซับความมันบนหัวสิวแล้วยังระคายผิว และอาจก่อให้เกิดแผลเป็นอีกด้วย ฉะนั้น วิธีรักษาสิวที่ดีที่สุดคือ การขัดผิวเพื่อลดการสะสมตัวของเซลล์ผิวที่ตายทั้งบนผิวและในรูขุมขน การฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว การดูดซับความมันและสร้างสมดุลให้กับฮอร์โมนของร่างกายเพื่อควบคุมการผลิตน้ำมัน


ล้างหน้า : ควรใช้เคลนเซอร์ที่ละลายน้ำและไม่ผสมสารที่ทำให้ระคายผิว เช่น สบู่ สครับ เพื่อเลี่ยงการกระตุ้นต่อมไขมัน ลดการอักเสบของผิว และความแห้งกร้าน ส่วนเคลนเซอร์ที่ผสมสารขัดลอกเซลล์ผิว สารยับยั้งเชื้อแบคทีเรียหรือดูดซับน้ำมันส่วนเกินจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เนื่องจากก่อนที่สารเหล่านี้จะออกฤทธิ์คุณก็ล้างออกเสียแล้ว


ขจัดเซลล์ผิว : เพราะสิวเกิดขึ้นภายในรูขุมขน และเกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมัน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ผสมกรดซาลิไซลิกซึ่งละลายในไขมัน จึงสามารถเข้าขัดลอกเซลล์ผิวเก่าในรูขุมขนได้อย่างอ่อนโยน แนะนำให้ใช้ประเภทเจลหรือโลชั่นเนื้อเบาๆ ซึ่งไม่ผสมสารสร้างความหนืดหรือสารให้ความชุ่มชื่นอันจะอุดตันรูขุมขน ส่วนสครับหรือกรด AHA มักไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากตัวช่วยขัดลอกเซลล์ผิวเฉพาะภายนอก ไม่สามารถลงลึกถึงรูขุมขนได้


ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย : แอลกอฮอล์หรือซัลเฟอร์เป็นสารฆ่าเชื้อที่ดีแต่ทำให้ผิวแห้งและระคายจนทำให้เกิดสิวใหม่ คุณจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำมีทีทรีหรือเบนซอยล์เพอร๊อกไซด์ ที่มีความเข้มข้นประมาณ 2.5% 5% หรือ 10% ส่วนการกินยาแอนตี้บอดี้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งก่อสิวได้จริง แต่จะทำลายแบคทีเรียตัวที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายไปด้วย


เพิ่มการสร้างเซลล์ผิว : คุณหมออาจใช้สารจำพวกเตรตินอยน์ ดิเฟอรีนและกรดอะเซลาอิก ซึ่งช่วยให้เจริญเติบโตได้ดี จนสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของรูขุมขน และช่วยให้การขับน้ำมันสะดวกราบรื่น


ที่พึ่งสุดท้าย : ถ้าหากสิวยังคงอยู่ทนแม้คุณจะทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบแล้วก็ตาม คุณก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพราะยังมียารับประทานอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่าสามารถรักษาสิวได้ผลดีเยี่ยม นั่นก็คืออัคคูเทน ซึ่งเป็นวิตามินเอปริมาณสูง มักใช้ในกรณีที่เกิดสิวรุนแรงและยังช่วยทำให้ผิวเนียนกระชับสวยขึ้นด้วย แต่ยาตัวนี้ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆและต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น ก่อให้เกิดความผิดปกติในการตั้งครรภ์และปัญหาทางจิต