วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551

อันตรายจากลิปสติก


อย่าเห็นแก่ของถูก ดังคำกล่าวที่ว่า "ของดีราคาถูกไม่มีในโลก" แต่ก็คงไม่ทั้งหมดเอาเป็นว่าส่วนใหญ่แล้วกัน ใครที่นิยมซื้อของลดราคาก็เพิ่งระลึกไว้เลยว่า แบรนด์ดังที่นำสินค้ามาลดราคาส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าใกล้หมดอายุหรือบางครั้งก็หมดอายุ ซึ่งสินค้าเหล่านี้นอกจากจะหมดประสิทธิภาพแล้วยังอาจทำให้หน้าพังยับเยินได้ นอกจากนี้อันตรายจากเครื่องสำอางค์ยังก่อให้เกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะลิปสติกตามท้องตลาดหลายแบรนด์ มีการตรวจพบว่ามีสารตะกั่วปนเปื้อนซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ โดยเฉพาะลิปสติกติดทนนานแต่มีเทคนิคง่ายๆในการตรวจสอบว่าลิปสติกแท่งโปรดของคุณมีสารตะกั่วปนเปื้อนหรือไม่

วิธีการตรวจสอบง่ายๆด้วยตนเอง

1. ทาลิปสติกลงบนมือ

2. ใช้แหวนทองคำถูลงบนลิปสติกนั้น

3. ถ้าลิปสติกเปลี่ยนเป็นสีดำ "รู้ได้ว่าลิปสติกนั้นมีส่วนผสมของตะกั่ว"

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

อกหัก


คำว่า"อกหัก"...ใครที่รักใครไม่เป็นก็คงไม่รู้จักคำนี้...และคำว่า"อกหัก"...ถ้าใครมีความรักที่สมหวัง ก็จะไม่รู้จัก คำ ๆ นี้เช่นกัน...



ในเมื่อคนสองคนที่มีใจที่ตรงกัน ได้มารักกัน ได้เดินทางในเส้นทางเดียวกัน...
ต่อมาระยะหนึ่ง...ความรักที่มีนั้น ไม่เหมือนเดิม ใจไม่ตรงกัน อาจเพราะว่า ใครคนใดคนหนึ่ง มีใจไม่เหมือนเดิม หรืออาจจะเป็นว่า ทั้งสองคนร่วมใจกันใจไม่ตรงกัน...เป็นการใจตรงกันครั้งสุดท้าย.. คนสองคนหมดรักกัน และจากกันไป เพื่อ "ไปเดินในเส้นทางใหม่"ที่ตนต้องการ..
กรณีคนอกหักเป็นประเภท...เราใจเหมือนเดิม แต่เขา เปลี่ยนไป... เหมือนโลกทั้งโลก...ทะลายไป...รู้สึกว่า ตัวเองไม่มีค่า คิดแต่ว่า " ฉันผิดอะไร? "เขาทำไมจากไป ทำไม ทำไม และทำไม ณ เวลานั้น คนอกหัก จะกลายเป็นคนช่างคิดช่างตั้งคำถาม คิดอะไรรกหัวไปหมด..แต่ออกจะคิดแคบไปหน่อย คิดแต่เรื่องเขาคนนั้น...ด้วยคำถามว่า...ทำไมตัวอย่างของคำถามจากคนอกหัก...ที่ต้องการคำตอบจากเขา (แต่เขาไม่อยู่ให้ตอบคำถาม)


1. ทำไมถึงเลิกกับเรา?


2. เธอมีใครใหม่หรือ?


3. เธอจะคิดถึงฉันไหม?


4. ทำไมเหงาอะไรอย่างนี้นะ...เธอล่ะ?


5. เธอทำอะไรอยู่นะ...? ฯลฯ



คิดโทษแต่ตัวเอง....ร้องไห้...ร้องไห้....และร้องไห้....เหมือนคนบ้า.....อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้.....ทำตัวห่อเ**ยว เสมือนหมดแรงเพราะทำงานตรากตรำ......สมองฝ่อไปชั่วขณะ.......บางที สำหรับบางคน.....ไม่รู้ว่าใช้สมองส่วนไหนคิด...เขาคิดทำร้ายตัวเอง บางคนถึงกับชีวิตก็มี เพื่ออะไร?.......พวกนี้ไม่รู้จักใช้สมองอันน้อยนิดที่ปลายนิ้วมือคิดเลย...(จริง ๆ)


เสียใจกับความรักที่มันไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมน่ะได้....แต่อย่าเสียใจนานนัก...
เราเสียใจ...ร้องไห้....ทำร้ายตัวเอง จะมากน้อยเท่าไร "เขาคนนั้นไม่มารับรู้อะไรด้วยหรอก"
ขณะที่คุณร้องไห้...เสียใจ คิดถึงแต่เขา นึกถึงแต่เขา...คุณทำร้ายตัวเอง....เขาคนนั้น กำลังนึกถึงคนอื่น มีความสุขอยู่กับรักใหม่ของเขา โดยที่เขาไม่ได้นึกถึง ไม่ได้คิดถึงคุณแม้แต่น้อยนิดเลย... ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว...คิดอะไรได้รึยัง?****


คิดซะ...เขาคนที่ทำเราร้องไห้ได้น่ะ ไม่ได้มีค่าอะไรเลย กับชีวิตที่มีค่าของเรา อยู่มาได้อายุเท่านี้ ก่อนหน้านี้ไม่มีเขาเราก็ไม่ตาย ประสาอะไรกับตอนนี้ ณ วินาทีนี้ เราจะไม่มีเขาแล้ว จะเป็นอะไรไป... ชีวิตมีค่า เวลาที่มีอยู่ใช้ให้คุ้ม กับคนที่เขาหวังดี รักเรา เถอะนะ...รักตัวเองให้มากขึ้น...มองโลกให้กว้างกว่านี้ แล้วคุณจะเห็นอะไรดี ๆ มากมาย
คนรอบ ๆ ข้างคุณ เพื่อน ๆ คุณ ก็ช่วยให้คุณหัวเราะได้แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น....มีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นแหล่ะ...ที่จะช่วยให้ตัวคุณเองยิ้มและหัวเราะได้...
หาอะไรทำเพื่อที่จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านกับเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นซะ....ถึงแม้มันจะเหมือนการหลอกตัวเอง หลอกคนอื่นว่าคุณทำใจได้ แต่ว่า มันก็ดีซะกว่า คุณไม่รักตัวเอง....

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน



ทำไมประจำเดือนจึงมาไม่สม่ำเสมอ

ปัญหาความคลาดเคลื่อนของประจำเดือน มักทำให้เกิดความวิตกกังวลไปต่าง ๆ นานา แต่สาเหตุหลัก ๆ มักมาจากความเครียด ทำงานหนัก นอนน้อย หรืออาจจะเกิดจากการลดน้ำหนักจนขาดสารอาหาร ซึ่งทำให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องการเจริญพันธ์ผิดเพี้ยนได้ แม้จะไม่อันตรายนัก แต่หากประจำเดือนขาดหายไปนาน และมั่นใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะอาจเกิดจากการไม่มีไข่ตก เนื่องจากความไม่สมดุลทางฮอร์โมนก็เป็นได้
รอบเดือนปกติของผู้หญิงคือกี่วันโดยทั่วไป

รอบประจำเดือนของผู้หญิงอยู่ที่ 28 วันแต่ส่วนใหญ่จะตกอยู่ในช่วง 21-35 วัน และถ้านานเกินกว่า 2 เดือน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ

ปัญหาเลือดออกกระปริบกระปรอย

ส่วนใหญ่มักเกิดจาก การใช้ยาคุมกำเนิด โดยเฉพาะในคนที่ใช้ยาคุมครั้งแรก อาจมีอาการเลือดออกกระปริบกระปรอยได้ แต่อาการดังกล่าวมักจะหายไปเมื่อร่างกายปรับตัวเข้ากับฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดได้ ซึ่งมักจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ถ้ายังอาการอยู่นานกว่า 4 เดือนก็ควรจะไปพบแพทย์ค่ะ เพราะอาการเลือดออกกระปริบกระปรอย อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งปากมดลูกก็เป็นได้ แต่โรคนี้สามารถวินิจฉัยได้โดยวิธี Pap Smear นอกจากนี้โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด เช่น โรคหนองใน ก็อาจมีอาการเลือดออกกระปริบกระปรอยได้เช่นกัน
ประจำเดือนมามากกว่าเดือนละครั้ง ผิดปกติหรือไม่

ผู้หญิงบางคนอาจมีประจำเดือน เดือนละ 2 ครั้งก็เป็นไปได้ ซึ่งมีสาเหตุมาจากความหงุดหงิด การงานที่รัดตัว ทำให้เกิดความเครียด ส่งผลให้ฮอร์โมนของร่างกายปั่นป่วน ทำให้มีเลือดออกในช่วงกลางรอบเดือน หรือช่วงที่ไข่ตก แต่ในบางรายก็อาจเกิดจากปัญหาเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่ ซึ่งมักจะมีอาการปวดบริเวณเชิงกรานและหลังร่วมด้วย ซึ่งควรแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง
ประจำเดือนมามากและนานหลายวัน

โดยปกติแล้ว ผู้หญิงเราจะมีประจำเดือนนาน 7 วัน โดย2 วันแรกจะมีปริมาณค่อนข้างมาก แต่ถ้ามีประจำเดือนนานกว่า 8 วันและยังมีปริมาณมาก แม้จะเลย 2 วันแรกไปแล้ว ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย เพราะอาจเกิดจากเนื้องอกในบริเวณมดลูก ซึ่งต้องรักษาโดยการผ่าตัด

ประจำเดือนมาน้อยมาก ผิดปกติหรือไม่

ถ้าประจำเดือนมาสม่ำเสมอ แม้จะมีน้อย ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะแสดงว่าร่างกายมีการตกไข่ตามปกติ แต่ที่มีปริมาณน้อยนั้น มักพบในคนที่ใช้ยาคุมกำเนิด หรือผู้หญิงที่มีอายุมาก แต่หากมีปริมาณน้อยจนผิดปกติ โดยที่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิด ก็อาจเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนได้เช่นกัน

ห้ามออกกำลังกายในขณะที่มีประจำเดือน จริงหรือไม่

ประจำเดือนนั้น เกิดจากการลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก และจะมีอาการมดลูกบีบตัวรุนแรง จึงทำให้เกิดอาการปวดท้องได้ ในขณะที่ การออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอนเดอร์ฟิน ซึ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายหายเครียด และช่วยแก้ปวดได้ทุกชนิด เรียกว่ามีสรรพคุณเทียบเท่ายาแก้ปวดขนานเอกกันทีเดียว จึงดูไม่มีเหตุผล ที่จะเป็นข้อห้ามไม่ให้ยืดเส้นยืดสายในช่วงวันนั้นของเดือนแต่อย่างใด

ทำไมจึงห้ามไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันนั้นของเดือน

จริงๆ แล้วอาจจะไม่มีข้อห้าม แต่มีข้อควรระวัง เพราะในช่วงที่มีรอบเดือน เป็นช่วงที่ปากมดลูกเปิด เพื่อให้ประจำเดือนไหลออกมา และประจำเดือน ก็เป็นอาหารอันโอชะสำหรับเชื้อแบคทีเรีย จึงเป็นระยะที่เสี่ยงกับการติดเชื้อได้ง่าย ถ้าจะมีอารมณ์รักในช่วงนี้ ก็ควรระวังเรื่องของความสะอาด โดยให้เขาทำความสะอาดของรักของเขาเสียก่อน และควรหลั่งภายนอก เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง แต่จะให้ชัวร์ ๆ ก็ควรใช้ถุงยางอนามัย แค่นี้ก็มีความสุขกับวันนั้นของเดือนได้ และมั่นใจกับเรื่องความปลอดภัย

มีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันนั้นของเดือน จะท้องหรือเปล่า

การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันนั้นของเดือน ส่วนใหญ่มักจะปลอดภัยจากการตั้งครรภ์ ยกเว้นในผู้หญิงบางรายที่มีประจำเดือน เดือนละ 2 ครั้ง โดยจะมีเลือดออกในช่วงที่มีไข่ตก หรือในช่วงกลางรอบเดือน และเข้าใจผิดว่า นั่นคือประจำเดือน ที่เกิดจากการลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก เมื่อมีเพศสัมพันธ์กันในวันนั้น ก็มีโอกาสท้องได้มากทีเดียว เพราะเป็นระยะที่มีการตกไข่ ถ้าจะให้มั่นใจจริง ๆ ก็ควรใช้ถุงยางอนามัย นอกจากไม่ต้องกังวลกับเรื่องท้องแล้ว ยังปลอดโรคอีกด้วยค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ผลไม้ 7 ชนิด

…..สำหรับคุณผู้หญิง เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคุณสาวๆ ขอแนะนำผักผลไม้ 7 ชนิดสำหรับคุณผู้หญิงที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีสารที่เป็นประโยชน์แก่หญิงทุกวัยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย ดังนี้
1.ลูกพรุน (Prunes)


ลูกพรุนเป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด ผู้หญิงเราเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิตคือวัยยี่สิบห้า ร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมโทรม ไข มันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ มากมายใบหน้าที่เคยอวบอิ่มด้วยเลือดฝาดก็เริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณจะเป็นสีชมพู - ระเรื่อหรือซีดโทรมเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น ผิวมีความหนามากขึ้นตามวัยจนมองไม่เห็น เลือดฝาดหรือเลือดไม่มีให้ฝาด คือเป็นโรคโลหิตจางนั่นเอง พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดีพรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78 มิลลิกรัม และมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการ ดูดซึมธาตุต่าง ๆเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น หากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ ริมฝีปากแดงสด เหมือนสตรอเบอรี่แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง ดูเป็นคนที่มีสุขภาพดี สมบูรณ์ ด้วยเลือดฝาด ลองรับประทานลูกพรุนสดๆ หรือลูกพลัมดูสิค่ะ ไม่เลวเลยทีเดียว

2.ถั่ว

ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสม"ถั่วช่วยคุณได้ค่ะ" ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบีนอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่า เมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้(ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่ม-นานความอยากอาหารจะลดลง ซึ่งแน่นอนว่ามีประโยชน์กับคุณสุภาพสตรีที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมาก
3.บรอคโคลี่

เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลายเพราะบรอค-โคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติซึ่งเจ้าตัวซีลีเนียมนี้แหละค่ะที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ ซีลี-เนียมจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนังจึงทำให้ผิวดูอ่อนวัย นุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาวแถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย

4.กล้วยไข่

กล้วยทุกชนิดดีต่อสุขภาพ แต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีนโดยธรรมชาติเมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงักความเสื่อมในส่วนต่างๆของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองมีสองสิ่งที่สำคัญเกิดขี้นในร่างกายของเรา ซึ่งก็คือสิ่งแรก เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้นสิ่งที่สองความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้น ความสามารถในการจำกัดอนุมูลอิสระ(Detoxification) ก็ลดลงอย่างน่าตกใจเช่นกันดังนั้น กลยุทธ์ที่คุณจะสู้กับความแก่ด้วยตนเองก็คือคุณต้องรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระให้มากซึ่งสารนี้เรารู้จักในชื่อที่ เรียกว่าแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidants)ซึ่งในกล้วยไข่ 1 ขีด มี สารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม
5.ฝรั่ง

คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบหรือไม่คะว่าฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึง ไม่แก่ก่อน วัย วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เองที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสติน เสื่อมสภาพ ผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซีมีความสำคัญต่อการสร้าง และ บำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissue)เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่าคอลลาเจนี มันคือคอลลาเจนตัวเดียวกัน กับคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเองและเพราะฝรั่งอุดมไปด้วย วิตามินซีนั่นเอง คุณๆทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆ น่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำนะคะ

6.แอปเปิ้ล


มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ "เพคติน" แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือเจ้าตัว "เพคติน" นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนักและลดโคเลสเตอรอล หากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็ว และนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาทีดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทำให้คุณไม่รู้สึกหงุดหงิด หรืออ่อนเพลียแอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้เพราะแอปเปิ้ลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ผลจากการวิจัยชี้ว่าเมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมันและแยกโคเลส-เตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้วเพคตินจากแอป-เปิ้ลจะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้นและพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าร่างกาย


7.ส้ม


แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรม-ชาติการรับประทานส้มโดยไม่คายกาก จะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็วเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำ หนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโตหรือโดนัทชิ้นใหญ่ ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วยนะคะ

ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นสำหรับคุณๆ ผู้หญิงทุกท่านที่ต้องการรักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้งเจ็ดนี้แล้ว ผักและผลไม้อื่นๆก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกาจึงได้แนะนำขนาดในการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวันว่าควรจะรับประทานรวมกันให้ได้วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆ ทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใสปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกวนค่ะ

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

แบบทดสอบเมื่อคุณมีรัก


สมมุติว่าเธอกำลังเดินเล่นอยู่ในป่าหิมะ กวาดสายตาไปเรื่อยๆ ก็มองเห็นแสงระยิบระยับอยู่บนพื้นที่ใต้ต้นไม้แต่ไกล และเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ พบว่าเป็นพวงกุญแจทอง เธอได้ก้มลงไปหยิบ เธอคิดว่ามันมีกี่ดอก ?(1-10)
จากนั้นได้เดินต่อไปเรื่อยๆ เธอก้อเห็นปราสาทหลังหนึ่งตั้งโดเด่นเป็นสง่า เธอคิดว่ามันเก่าหรือใหม่?

เธอเดินไปสำรวจในปราสาทพบว่ามีบ่อน้ำอยู่ 1 บ่อ มองเห็นสร้อยคอ เครื่องประดับหลายชิ้น ส่องประกายระยับระยับอยู่ในนั้น เธอคิดว่าเธอจะหยิบหรือไม่หยิบ?
และใกล้ๆ บ่อน้ำที่มีสร้อยและเครื่องประดับ มีบ่อน้ำอีกบ่อ ในนั้นมีเงินอยู่มากมาย เธอคิดว่าเธอจะหยิบหรือไม่หยิบ?


เธอเดินสำรวจไปเรื่อยๆ สายตาเหลือบไปเห็นประตูทางออกเธอจึงเดินออกมา และก็พบสวนขนาดใหญ่ มีกล่องตั้งอยู่ 1 ใบ เธอคิดว่ามันมีขนาดเท่าใด (ใหญ่/กลาง/เล็ก)ทำมาจากอะไร (เหล็ก/ไม้/กระดาษ)
-----------------------มาดูเฉลยกัน-----------------------






จำนวนของกุญแจ บอกถึง จำนวนเพื่อนแท้ที่มีอยู่



ปราสาทเก่า บอกถึง ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาระหว่างเธอกับคนรักว่า จบลงไม่ค่อยดีนัก เธอเองก็ไม่อยากจะนึกถึงมัน



ปราสาทใหม่ บอกถึง ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดของเธอกับคนรักเป็นไปในทางที่ดีถึงแม้ว่ามันจะจบไปแล้วก้อตามทว่าเธอเองก้อยังมีความรู้สึกดีๆหลงเหลืออยู่และรู้สึกดีที่คิดถึงมัน



หยิบสร้อย บอกถึง ว่าเธอมีคนรักอยู่ข้างๆเธอก็ยังเล่นหูเล่นตากับคนน่าตาดีที่ผ่านไปผ่านมาอยู่เสมอ



ไม่หยิบสร้อย บอกถึง เวลาเธออยู่กับคนรัก เธอมักจะมองแต่เขาเพียงคนเดียว และใช้เวลาอยู่กับเขาให้มากที่สุด ประมานว่าโลกนี้มีเพียงเราสอง



หยิบเงิน บอกถึงว่า เมื่ออยู่นอกสายตาคนรัก เธอมักจะแอบทดสอบเสน่ห์เรื่อยๆเหมือนได้ออกจากคุก



ไม่หยิบเงิน บอกถึงว่า แม้ว่าคนรักจะไม่ได้อยู่ข้างๆ เธอก้อยังซื่อสัตย์และภักดีต่อเขาจะไม่เผลอปันใจให้ใครอื่นทั้งนั้น



กล่องใหญ่ ระดับ Ego ในตัวเธอสูงมากๆ



กล่องกลาง ระดับ Ego ในตัวเธอพอประมาน



กล่องเล็ก ระดับ Ego ในตัวเธอมีนิดหน่อย



กล่องเหล็ก เธอมีความภูมิใจในตัวเองสูงจนบางครั้งก็ดูเย่อหยิ่ง



กล่องไม้ หรือ กระดาษ เธอนั้นช่างถ่อมตัว


จบแล้วค่ะเป็นไงบ้างค่ะตรงกันบ้างหรือเปล่าค่ะถ้ายังไงก็แสดงความคิดเห็นได้นะค่ะ.......

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ภาษารัก



คู่รักจำนวนไม่น้อยเลยที่สร้างความรักขึ้นมาด้วยใจ สานสัมพันธ์สายใยกันด้วยชีวิต แต่กลับทำลายด้วยภาษาอันไม่เข้าท่าแลไม่ควร จนเกิดความเสียหายที่ไม่ปราถนาตามมามากมาย ภาษารักจึงเป็นระบบการสื่อสัมพันธ์ของคนทั้งสอง ให้ตรงตามจริงและตามวัตถุประสงค์มุ่งหวัง เป็นภาษาที่ต้องรู้ เข้าใจ ฝึกให้ดี ใช้ให้เป็น และบริหารให้เกิดประโยชน์


1.ภาษาใจ เป็นการส่งรับด้วยจิตนิ่งเป็นหนึ่ง เมื่อจิตว่าง การรับรู้จะชัดเจน แจ่มใส และแม่นยำ การส่งการรับภาษาใจนี้จะก่อให้เกิดความเข้าใจ และความประทับใจในความสัมพันธ์กันมาก ซึ่งเป็นความจำเป็นพื้นฐานของคนสองคน ที่จะเป็นคู่ชีวิตใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

2.ภาษาสายตา เป็นภาษาที่ลึกซึ้งและเที่ยงตรงที่สุดเพราะหลอกกันไม่ได้ วิธีการส่งภาษาใจออกมาเป็นภาษาตานั้น เพียงแผ่ความรู้สึกลึกๆในใจออกมา ความรู้สึกนั้นก็จะฉายออกมาทางแววตา แววตาของมนุษย์สามารถบอกสิ่งต่างๆมากมาย จนกล่าวว่า "ดวงตา คือหน้าต่างของหัวใจ"

3.ภาษายิ้ม ยิ้มเป็นสิ่งที่บ่งบอกและแสดงความเป็นไปของผู้ยิ้ม การกำหนดยิ้ม เกิดจากสภาวะทั้งภายใน ภายนอก และจากอุปนิสัย โดยแบ่งเป็น 3 แบบของยิ้ม คือ ยิ้มแบบมีความสุข ยิ้มแบบเหนื่อยๆ และยิ้มแบบขอไปที การยิ้มมีทั้งประโยชน์และโทษ ดังนั้นเราจึงควรฝึกยิ้มให้มีเสน่ห์ และมีความสุข ดังนี้

1) ยิ้มจากใจ
2) ยิ้มหมด
3) ยิ้มเปล่งประกาย
4) ยิ้มให้พอดี
5) ยิ้มให้ปรากฎ
6) ยิ้มให้ถูกกาละเทศะ
7) ยิ้มให้ถูกวัตถุประสงค์
8) ยิ้มอย่างทรงพลัง
9) ยิ้มทั้งตา

4.ภาษาวาจา คำพูดทุกคำที่เปล่งออกมาจะมีพลังอยู่ในตัว และซึมซาบเข้าสู่ผู้ฟัง สามารถใช้สร้างสรรค์หรือทำลายก็ได้ พลังแห่งคำพูดมี 2 องค์ประกอบ คือ พลังแห่งเสียง และพลังแห่งความหมาย ดังนั้นจึงต้องกลั่นกรองวาจาก่อนเจรจาใดๆ ทุกครั้งที่พูดให้ใคร่ครวญในสิ่งที่พูดว่าเป็นจริงหรือเปล่า เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ความเข้าใจที่ถูกต้องจะต้องอยู่บนพื้นฐาน ของความจริงเท่านั้น การพูดเท็จจึงเป็นการสร้างความเข้าใจผิด และเป็นการทำลายระบบสัจจะ ก่อให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งนี้อย่าคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจความหมายได้เอง ภาษาวาจามีอานุภาพมาก มีทั้งประโยชน์และโทษถ้าไม่ระมัดระวังคำพูด ดังนั้นทุกครั้งที่พูดควรกลั่นกรองคำพูด เพื่อจรรโลงใจยังความรักให้งอกงามสถาพร

5.ภาษาท่าทาง ท่าทางอันจรรโลงรักให้ภาคภูมิ งดงาม และยังความมั่นใจในสัมพันธภาพ คือ 1) บุคคลิกอันงามสง่า 2) กิริยาที่สำรวม 3) อิริยาบถอันสมดุล 4) ท่วงท่าอันมั่นคง 5) ท่าทีจริงจังที่ปล่อยวาง จึงจะได้ความมั่นคงอันอบอุ่น และความสบายใจอันเป็นรากฐานแห่งความสุข

6.ภาษาสัมผัส เป็นอีกระบบภาษาหนึ่งที่คู่รักชอบใช้กัน เช่นการโอบกอด ภาษาสัมผัสเป็นการถ่ายทอด หรือแลกเปลี่ยนพลังระหว่างบุคคล การสัมผัสควรพิถีพิถันบรรจง อ่อนโยน ทะนุถนอม นุ่มนวลและหนักแน่นเป็นการเกื้อกูลกันให้เกิดพลังมาก สมานสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น

7.ภาษาพฤติกรรม รักแท้ที่จริงมิใช่คำพูด แต่ต้องฉายออกมาจริงทุกระดับทั้งใจ แววตา ยิ้ม วาจา ท่าทาง สัมผัส และพฤติกรรม ดังนั้นภาษาพฤติกรรมจึงเป็นภาษารักแห่งยั่งยืน

8.ภาษาสัมพันธ์ คือการจัดสมดุลให้แก่ชีวิตคู่ ให้สัมพันธภาพคงอยู่เสมออย่างบริสุทธิ์ใจ มั่นคง ลงตัว เข้ากันได้อย่างดี ให้คู่รักทั้งสองร่วมกันพัฒนายิ่งๆขึ้น จนกว่าสัมพันธภาพนั้นนิรันดร

9.ภาษาแห่งความสงบ ในบรรดาภาษาทั้งหลาย ภาษาแห่งความสงบเป็นภาษาที่ทรงอานุภาพสูงสุด เมื่อใดที่เข้าถึงความสงบได้ ความสุขจึงปรากฎ ความเข้าใจเที่ยงตรงตามจริงจึงแจ่มชัด ความตั้งใจเชิงสร้างสรรค์จึงพรั่งพรู จรรยามารยาทอันงดงามจึงส่องแสง ความอ่อนโยนจึงยังความอบอุ่นให้บังเกิดสัมผัสจึงทราบซึ้ง สัมพันธภาพจึงมั่นคง ดังนั้นภาษาแห่งความสงบจึงเป็นที่สุดแห่งภาษารักทั้งมวล


ดังนี้เองการสื่อภาษารักใดๆนั้นจะทรงพลัง มีค่าความเที่ยงตรง ความละเอียดอ่อน และความลึกซึ้ง ขึ้นอยู่กับพลังชีวิตและระดับจิตใจของแต่ละคน ต่อไปนี้ขอทุกท่านที่พึงประสงค์มีรักแท้ที่ยิ่งใหญ่ จงหมั่นฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่สื่อภาษาอย่างประเสริฐ ล้ำค่าและทรงพลัง ก็จะนำมาซึ่งความถูกต้องตรงตามเจตนา บนฐานของความจริงใจ สามารถสานสัมพันธ์กันได้ดียิ่งขึ้น และรักกันตราบนานเท่านาน ยั่งยืนสถาพร

สิวเกิดได้ไง ?




สาเหตุของสิว


เมื่อร่างกายเริ่มผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน มักเกิดขึ้นในช่วงก่อน/หลังมีประจำเดือน ซึ่งจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวขยายใหญ่ขึ้น เมื่อต่อมไขมันถูกขยายใหญ่ขึ้น จะมีน้ำมันที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตามธรรมชาติของผิว ถูกผลิตออกมามากเกินไป และในขณะที่น้ำมันเดินทางจากต่อมไขมันสู่ปากรูขุมขน เกิดไปผสมเข้ากับแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอยู่ในรูขุมขน ทำให้เกิดการเข้มข้นเป็นพิเศษจึงเกิดการอุดตันรูขุมขน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ตามปกติ เซลล์ที่ตายแล้วในรูขุมขนจะค่อย ๆ ถูกกำจัดออกสู่ปากรูขุมขนโดยน้ำมันหรือเหงื่อ แต่เมื่อฮอร์โมนแอนโดรเจนกระตุ้นให้ต่อมไขมันใหญ่ขึ้นและผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เซลล์ผิวหนังในรูขุมขนก็จะผลิตและตายเร็วขึ้นด้วย เมื่อมีเซลล์ที่ตายอยู่มาก ก็จะเกิดการอุดตันในรูขุมขนมากขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อรูขุมขนเกิดอุดตัน บวกเข้ากับเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งปกติแล้วก็อาศัยอยู่ตามผิวหนังและรูขุมขน แต่เมื่อเกิดการอุดตัน เชื้อแบคทีเรียซึ่งไม่ชอบออกซิเจน ก็จะแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็วผิดปกติ จนเกิดเป็นสาเหตุของการอักเสบในรูขุมขนขึ้น เมื่อเกิดการอักเสบขึ้นแล้ว เม็ดเลือดขาวในร่างกายก็จะฆ่าแบคทีเรีย ทำให้สิวเกิดเป็นตุ่มแดง บวม เจ็บ และเกิดเป็นหัวหนองในที่สุด

วิธีรักษา


สิวถ้ามัวแต่แก้ไขเฉพาะสิวที่เห็นภายนอกโดยไม่สนใจรักษาที่ต้นเหตุซึ่งอยู่ใต้ผิวหนัง การรักษาใดๆก็ไม่ได้ผล เช่น ใช้ผลิตภัณฑ์ทำให้หัวสิวแห้งเพียงอย่างเดียว ซึ่งนอกจากสิวจะไม่ยุบและไม่สามารถดูดซับความมันบนหัวสิวแล้วยังระคายผิว และอาจก่อให้เกิดแผลเป็นอีกด้วย ฉะนั้น วิธีรักษาสิวที่ดีที่สุดคือ การขัดผิวเพื่อลดการสะสมตัวของเซลล์ผิวที่ตายทั้งบนผิวและในรูขุมขน การฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว การดูดซับความมันและสร้างสมดุลให้กับฮอร์โมนของร่างกายเพื่อควบคุมการผลิตน้ำมัน


ล้างหน้า : ควรใช้เคลนเซอร์ที่ละลายน้ำและไม่ผสมสารที่ทำให้ระคายผิว เช่น สบู่ สครับ เพื่อเลี่ยงการกระตุ้นต่อมไขมัน ลดการอักเสบของผิว และความแห้งกร้าน ส่วนเคลนเซอร์ที่ผสมสารขัดลอกเซลล์ผิว สารยับยั้งเชื้อแบคทีเรียหรือดูดซับน้ำมันส่วนเกินจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เนื่องจากก่อนที่สารเหล่านี้จะออกฤทธิ์คุณก็ล้างออกเสียแล้ว


ขจัดเซลล์ผิว : เพราะสิวเกิดขึ้นภายในรูขุมขน และเกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมัน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ผสมกรดซาลิไซลิกซึ่งละลายในไขมัน จึงสามารถเข้าขัดลอกเซลล์ผิวเก่าในรูขุมขนได้อย่างอ่อนโยน แนะนำให้ใช้ประเภทเจลหรือโลชั่นเนื้อเบาๆ ซึ่งไม่ผสมสารสร้างความหนืดหรือสารให้ความชุ่มชื่นอันจะอุดตันรูขุมขน ส่วนสครับหรือกรด AHA มักไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากตัวช่วยขัดลอกเซลล์ผิวเฉพาะภายนอก ไม่สามารถลงลึกถึงรูขุมขนได้


ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย : แอลกอฮอล์หรือซัลเฟอร์เป็นสารฆ่าเชื้อที่ดีแต่ทำให้ผิวแห้งและระคายจนทำให้เกิดสิวใหม่ คุณจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำมีทีทรีหรือเบนซอยล์เพอร๊อกไซด์ ที่มีความเข้มข้นประมาณ 2.5% 5% หรือ 10% ส่วนการกินยาแอนตี้บอดี้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งก่อสิวได้จริง แต่จะทำลายแบคทีเรียตัวที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายไปด้วย


เพิ่มการสร้างเซลล์ผิว : คุณหมออาจใช้สารจำพวกเตรตินอยน์ ดิเฟอรีนและกรดอะเซลาอิก ซึ่งช่วยให้เจริญเติบโตได้ดี จนสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของรูขุมขน และช่วยให้การขับน้ำมันสะดวกราบรื่น


ที่พึ่งสุดท้าย : ถ้าหากสิวยังคงอยู่ทนแม้คุณจะทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบแล้วก็ตาม คุณก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพราะยังมียารับประทานอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่าสามารถรักษาสิวได้ผลดีเยี่ยม นั่นก็คืออัคคูเทน ซึ่งเป็นวิตามินเอปริมาณสูง มักใช้ในกรณีที่เกิดสิวรุนแรงและยังช่วยทำให้ผิวเนียนกระชับสวยขึ้นด้วย แต่ยาตัวนี้ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆและต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น ก่อให้เกิดความผิดปกติในการตั้งครรภ์และปัญหาทางจิต

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

การเลือกทรงผมให้เหมาะกับคุณ

รูปร่างผอมสูง

ถ้าคุณไว้ผมซอยสั้นกุดคุณจะดูเหมือนหัวเข็มหมุดเก็บทรงนี้ไว้ให้สาวขี้เล่นเขาไว้กันเถอะ ทรงที่เหมาะกับคุณ คือผมยาวแค่คางหรือยาวกว่านั้นจะทำให้คุณดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น ส่วนลุคที่ดูแล้วเซ็กซี่สำหรับคุณคือผมยาวเคลียไหล่ดัดอ่อนๆ ให้ดูเป็นลอนสวย


คนรูปร่างเล็ก

ผมที่ยาวเกินไปไม่เหมาะกับคนตัวเล็กเพราะจะดูเหมือนเด็กที่ผมยาวนึกภาพออกมั้ยแบบเด็กแปดขวบ แต่ผมยาวมากกว่าจะดูเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวและจะไม่มีใครเข้าใจผิดว่าคุณเป็นเด็กวัย 12 แน่ ถ้าคุณเลือกไว้ผมที่ดูเรียบหรูอย่างผมบ็อบ แค่ระวังว่าอย่าให้สั้นเกินไป จะได้ไม่ได้ดูเป็นทอมบอย

หน้าอกใหญ่


ทรงที่เหมาะกับคุณ ถ้าจะให้ดูดีรับกันไปหมดทั้งหน้าตาและหน้าอกผมยาวและเป็นคลื่นจะดึงสายตามาที่ผมคุณหน้าอกก็จะไม่กลายเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาลอีกต่อไป ถ้าคุณรวบผมตึง ถ้าคุณไม่อยากให้หน้าอกหน้าใจเป็นจุดเด่นเน้นแทนใบหน้า ห้ามรวบผมตึงเพราะเมื่อผมถูกดึงขึ้นไปด้านบนหน้าอกคุณก็จะกลายเป็นจุดเด่นขึ้นมาทันที

รูปร่างตรงๆ แบบผู้ชาย

เนื่องจากคุณไม่มีส่วนโค้งส่วนเว้าอยู่แล้วการไว้ผมซอยสั้นกุดจะทำให้คุณดูแมนเกินเหตุ ไว้ผมยาวเลยคางจะดีกว่าจะเป็นผมยาวตรงๆ หรือดัดปลายก็ยังได้

ปัญญาสิวที่หลัง


สาเหตุ
บางครั้งการอาบน้ำด้วยความเร่งรีบ โดยที่ไม่ได้มีการขัดถูแผ่นหลังอาจทำให้เกิดสิวขึ้นมาภายหลังได้

วิธีแก้ไข
โดยการ ชำระล้างสิ่งสกปรกด้วยการใช้แปรงถูหลังแล้วถูสบู่ฟอกผิว ล้างน้ำ ออกให้หมด ทาแอสทริงเจนต์ ตรงที่เป็นสิวอักเสบโดยไม่ต้องบีบเค้น ให้อักเสบมากขึ้น

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

7 วิธีสวย เริ่ด เชิด มั่น ^_^

7 วิธีสวยเริ่ด เชิดมั่น!!

วันๆ หนึ่งเราปล่อยให้เวลามันผ่านไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัวดูอะไรมันก็น่าเบื่อไปหมด

เราต้องลุกมาเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง รับรองว่าไม่ใช่เรื่องยากแต่ทำให้เรามั่นใจในตัวเองมากขึ้นเป็นกอง


1. หาสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต

นักจิตวิทยาบอกเอาไว้ว่าการที่เราได้ออกกำลังกายให้สารเอนดอร์ฟินหลั่ง

จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ลุกขึ้นมาเต้นนี่แหละทางเลือกที่ดีที่สุด อยู่บ้านเปิดเพลงมันๆ

ออกแรงสะบัดให้เต็มที่ หรือว่าจะลองเข้าคลาสเรียนเต้นดูก็ได้ อะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อนทำให้ตื่นเต้นดี

ดูอย่างหนังเรื่อง "Shall we dance" สิ ในที่สุด พระเอกที่ไปเรียนเต้นรำก็มีชีวิตชีวามากขึ้น

เลยพลอยทำให้ทุกอย่างดูสวยงามไปด้วย


2. เลือกใส่เสื้อผ้าในสไตล์ที่ชอบ

ไม่ว่าจะเป็นส้นสูง สายเดี่ยว เกาะอก เห็นในนิตยสารเป็นแบบไหน

ขนเสื้อผ้าออกมาจากตู้ สมมติตัวเองเป็นนางแบบได้เลย


3. เปลือยบ้างก็ได้

กลับถึงบ้านอาบน้ำเสร็จก็ยังไม่ต้องแต่งตัวหรอก ปล่อยให้ตัวเราได้เปลือยๆ บ้าง

นอนดูทีวี ทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย เราจะรู้สึกว่าตัวเองเซ็กซี่มากขึ้น แถมยังรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างไม่รู้ตัว


4. ใช้เวลาว่างในอ่างอาบน้ำ

วันไหนที่ว่างๆ เปิดน้ำเต็มอ่าง เอาสบู่มาตีฟองให้หอมๆ ลงไปแช่

นอนร้องเพลง อ่านหนังสือ ขอบอกว่ารู้สึกสบายสุดๆ


5. มองตัวเองในแง่ดี

พอนึกถึงตัวเองทีไร ก็นึกได้แต่ว่า "ทำไมเราอ้วนจัง" ทำไมเราหุ่นไม่ดี ไม่สวยเหมือนคนอื่น

จริงๆ แล้วเพื่อนหรือว่าคนที่แคร์เราเขาไม่ได้มองเห็นคุณค่าของเราที่ตรงนั้นเสมอ

ลองนึกถึงสิ่งที่เพื่อนๆ บอกดูว่าเขารักเราเพราะอะไร มันจะทำให้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น


6. จุดเทียนหอมสร้างบรรยากาศ

ปิดไฟในห้องนอนก่อนเถอะ เปลี่ยนมาจุดเทียนหอมแทนดีกว่า

นอกจากกลิ่นหอมๆจะทำให้ผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ผิวเราดูสวยขึ้นอีกด้วย


7. ชื่นชมศิลปะบ้าง

เดี๋ยวนี้มีงานนิทรรศการน่าดูเยอะแยะ ลองหาโอกาสไปเดินเล่นดูสิ

จะเป็นงานอาร์ต หรือว่างานเพลงพวกออเคสตร้าก็ได้ น่าทึ่งดีนะ ไม่รู้ว่าคนเขาทำงานพวกนี้เอาแรงบันดาลใจมาจากไหน

น่าเอามาเป็นต้นแบบจริงๆ

วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

นิสัยสาวไร้สวย

ละทิ้งนิสัยที่ทำให้สาวสวยอย่างเราไร้สวยกันดีกว่านะคะ...

1. เข้านอนโดยไม่ได้ล้างหน้า หากเป็นแค่ลิปสติกเล็ก ๆ น้อย ๆ คงจะไม่หนักหนา แต่ทว่านอนหลับไปทั้งเมคอัพ รองพื้น แป้งฝุ่น อายแชโดว์ มาสคาร่า คงจะไม่ดีแน่ค่ะ เพราะเครื่องสำอางรวมทั้งคราบเหงื่อไคลและฝุ่นละออง จะทำให้รูขุมขนอุดตัน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ริ้วรอย และทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น

2. บีบสิว ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด นอกจากสิวนั้นจะสุกจนหัวใกล้ระเบิดออกมาเท่านั้น การแกะ เกา บีบ จะทำให้แบคทีเรียแพร่กระจายภายใต้ผิว ทำให้เกิดสิวมากขึ้นไปอีก และจะทิ้งรอยจารึกอยู่บนผิวคุณอีกนานนับเดือน


3. ยืมเครื่องสำอางกันใช้ ห้ามอย่างเด็ดขาด แม้กระทั่งดินสอเขียนขอบปากหรือลิปสติก เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคืองบริเวณปาก หากผู้ที่เราหยิบยืมของมา เป็นโรคปากเปื่อย เฮอร์พีซ ไวรัส ซึ่งอาจติดต่อถึงเราได้ เครื่องสำอางรอบดวงตาก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นดินสอเขียนตา อายไลเนอร์ เพราะอาจทำให้เราติดเชื้อพวกตาแดงได้




4. หน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลา เมื่อเวลาเครียด ประสบปัญหา สาวสวยอย่างเรามักลืมตัวชอบทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ซึ่งการทำเช่นนี้ก่อให้เกิดริ้วรอย เมื่อรู้ตัวว่ากำลังคิ้วขมวด ให้รีบแก้ไขด้วยการเบิกตาให้ดูกว้างขึ้น ยิ้มหวาน ๆ และท่องในใจว่า ไม่เครียด เดี๋ยวแก่...





5. กัดเล็บ การกัดแทะเล็บนั้นแสดงถึงความเป็นคนไม่ใส่ใจในบุคลิก นอกจากนี้ในด้านสุขภาพยังอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ลองส่องกล้องจุลทรรศน์ดู จะเห็นเชื้อโรคพวกแบคทีเรียเกาะอยู่ตามเล็บของเราเต็มไปหมด



6. ใช้สบู่ล้างหน้า สบู่เป็นตัวการทำลายน้ำหล่อเลี้ยงผิว นอกจากจะทำให้ผิวแห้งแล้ว ยังทิ้งสารตกค้างที่เป็นสารชะล้างไว้บนผิวอีกด้วย ซึ่งทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่มีส่วนผสมของสบู่ เพื่อรักษาความสวยของผิวพรรณไว้จะดีกว่าค่ะ







7. ชอบจับต้องใบหน้า นั่งเท้าคาง การที่เราใช้มือจับต้องสิ่งต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน แล้วมาจับต้องใบหน้า เกาและเท้าคาง เป็นการถ่ายทอดเชื้อโรคสู่ผิวหน้า ทำให้เกิดสิว และผื่นต่างๆ ได้ง่าย










8. เลียริมฝีปากอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นนิสัย หรือการพยายามสร้างความเซ็กซี่ให้แก่เรียวปากก็ตามที ควรเลิกนิสัยนี้โดยเด็ดขาดเพราะผิวปากจะแห้งกร้าน ลองหันมาใช้ลิปสติกปกป้องบำรุงริมฝีปากแทนจะดีกว่าค่ะ









9. ดึงทึ้งเส้นผมเล่น เป็นนิสัยที่ควรละเว้น เพราะจะทำให้เส้นผมอ่อนแอ หลุดร่วงได้ง่าย การรวบผมตึงแน่นเกินไปเป็นประจำก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง









10. ยืนงอ ห่อตัว แม้จะสวยกว่านางงาม หากยืนห่อไหล่ ห่อตัว จะทำให้ดูไม่สง่างามเลย นอกจากจะเสียบุคลิกแล้ว อาจทำให้ปวดหลังและเป็นโรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารได้ค่ะ ทราบแบบนี้แล้ว ข้อไหนที่ยังปฏิบัติอยู่ ถ้าลด ละ เลิก ได้ เราก็จะเป็นสาวสวยอย่างสมบูรณ์แบบได้แน่นอนค่ะ...

การดูแลผิวหน้าแต่ละแบบ

ผิวของแต่ละคน มีลักษณะที่ต่างกัน จึงย่อมต้องมีการดูแลที่ไม่เหมือนกัน

ก่อนอื่นมาตรวจสอบกันก่อนว่า คุณมีผิวชนิดใด

ล้างหน้าให้สะอาด แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถ้าทำการตรวจสอบทันทีหลังล้างหน้า อาจทำให้คลาดเคลื่อนได้ เพราะแม้แต่คนที่หน้ามันสุด ๆ ยังดูแห้งได้หลังจากล้างหน้าใหม่ ๆ จึงควรทิ้งเวลาออกไป เพื่อดูการทำงานของต่อมไขมัน

โดยใช้กระดาษนุ่ม ๆ บาง ๆ ปิดหน้า ถ้ากระดาษติดหน้าแสดงว่าผิวมัน ถ้าไม่ติดหน้าเลยแสดงว่าผิวแห้ง ถ้ากระดาษติดหน้าเพียงบางส่วนโดยเฉพาะบริเวณทีโซน แสดงว่าคุณมีผิวปกติ



ผิวแห้ง เป็นผิวที่ไม่สามารถรักษาความชุ่มชื้นไว้ได้ ทำให้ใบหน้าดูไม่มีชีวิตชีวา และมีโอกาสเกิดรื้วรอยเหียวย่นได้ง่ายกว่าผิวประเภท อื่น ๆลักษณะของคนผิวแห้ง ...บริเวณแก้มด้านล่างที่ต่อกับคาง และผิวใต้ตาจะดูแห้ง บางครั้งจะลอกเป็นขุย

วิธีดูแล หลีกเลี่ยงการใช้โลชั่นเช็ดผิว เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้นทางทีดีควรใช้น้ำเปล่าล้างหน้าในช่วงเช้า ส่วนช่วงเย็น ซึ่งต้องล้างเครื่องสำอางออก ควรเลือกใช้ ครีมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ซึ่งจะรู้สึกผิวลื่น ๆหลังล้างหน้า ส่วนก่อนนอน ควรบำรุงผิวหน้าด้วยครีมบำรุง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าสำหรับคนที่หน้าแห้งมาก จนแตกเป็นลายงา ให้เพิ่มมอยเจอร์ไรเซอร์ ในช่วงเช้าและกลางวัน แต่คนผิวแห้งก็มีข้อดี คือ รูขุมขน มักกระชับมองดูหน้าเนียนและไม่ค่อยมีปัญหาใบหน้ามันย่อง จนทำให้แต่งหน้า ไม่ติดทน



ผิวมัน ผิวประเภทนี้ จะมีความมันกระจายอยู่ทั่วใบหน้า และจะมีความมันมากเป็นพิเศษบริเวณทีโซน...หรือแถวหน้าผาก คาง และจมูก คนผิวมันดูเหมือนว่า จะเกิดริ้วรอยได้ยากกว่าคนผิวแห้ง แต่ก็ทำความสะอาดได้ยากกว่า และเนื่องจากต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ จึงทำ ให้รูขุมขนใหญ่ ผิวหน้าดูหยาบกว่าคนผิวแห้ง ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของคนผิวมัน คือ เมื่อไขมันออกมาเคลือบใบหน้ามาก ๆ เข้า ทำให้ใบหน้าดูมันย่อง หน้าตาไม่สดใส แต่งหน้าก็มักไม่ติดทน

วิธีดูแล เลือกใช้สบู่อ่อน ๆ หรือเจลใสล้างหน้า และไม่จำเป็น ต้องล้างหน้าบ่อย ๆ ถ้าหน้ามันมาก ให้ใช้กระดาษซับหน้า คอยดูดซับน้ำมันออก จะช่วยให้ผิวหน้าผ่องขึ้นได้ ส่วนเครื่องสำอาง เลือกใช้ชนิด Oil-free เพื่อไม่ให้ใบหน้าดูมันเยิ้ม



ผิวปกติ จริง ๆ แล้วคนส่วนใหญ่ มักมีผิวลักษณะนี้ คือ จะมีน้ำมันเคลือบผิวบาง ๆ บริเวณทีโซน คือส่วนของหน้าผาก และจมูก จะมีความมันมากกว่าส่วนของแก้ม ในขณะที่ผิวรอบดวงตาและส่วนของแก้มลงมาจนถึงคอ จะดูแห้งกว่าบริเวณทีโซน

วิธีดูแล ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ และไม่ควรใช้โลชั่นทีมีส่วนผสมของแอลกฮอล์ เพราะจะทำให้คุณเป็นคนผิวแห้งได้ ส่วนการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ให้เลือกทาเฉพาะส่วนของของแก้ม และผิวรอบดวงตา เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอย

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ถนอมมือและเล็บให้แข็งแรงอยู่เสมอ



สาว ๆ หลายคนมักประสบปัญหาเล็บเปราะ หักง่าย เหลืองซีด และพื้นผิวของเล็บไม่เรียบเนียน อาการเหล่านี้คือสัญญาณเตือนว่า เล็บคุณต้องการการดูแลอย่างจริงจังแล้ว 8 วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้เล็บของคุณกลับมาแข็งแรง สีขาวอมชมพู และเรียบเนียนอีกครั้ง


1. บำรุงเล็บด้วยการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก (ผลไม้รสเปรี้ยว.นม.ไข่ และตับ)


2. คืนความชุ่มชื่นให้เล็บด้วยการนวดด้วยน้ำมันมะกอก หรือวิตะมินอี


3. แช่เล็บในน้ำนมอุ่นสัก 10 นาที ก่อนตัดเล็บหรือทาสีเล็บ แคลเซียมในน้ำนมจะช่วยให้เล็บแข็งแรง และไม่เปราะหักง่าย


4. ก่อนทาเล็บควรทาซูเปอร์โค๊ตสำหรับเคลือบเล็บไว้หนึ่งชั้นก่อน ป้องกันไม่ให้เล็บสัมผัสสารเคมีจากยาทาเล็บโดยตรง


5. หลีกเลี่ยงกันทาเล็บ หรือต่อเล็บติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรปล่อยให้เล็บได้พักผ่อนด้วยการไร้สีสัน และสิ่งแปลกปลอมสักระยะ


6. บำรุงมือ และเล็บด้วยผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรขึ้นเพื่อมือ และเล็บโดยเฉพาะเป็นประจำ


7. สวมถุงมือทุกครั้งเมื่อมือ และเล็บของคุณต้องรับบทหนักจากงานบ้าน


8. ดื่มน้ำเยอะๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

5 วิธีดูแลเท้าในช่วงฤดูฝน


1. ไม่ควรเดินเท้าเปล่า เพราะอาจเกิดการบาดเจ็บหรือ เป็นแผลบริเวณเท้าเนื่องจากถูกแก้วบาด หรือตอไม้ทิ่มตำ และเมื่อมีบาดแผลดังกล่าวแล้วยังเดินย่ำน้ำต่อจะเกิดอันตรายจากการติดเชื้อสูงขึ้นไปอีก


2. ขณะเดินอยู่ในน้ำ เราควรยกเท้าเหนือน้ำเมื่อต้องการจะก้าวเท้าต่อไป ไม่ควรก้าวเท้าโดยให้เท้าอยู่ใต้น้ำ เพราะการกระทำเช่นนี้จะทำให้เดินช้าลง และใช้เวลาลุยน้ำนานขึ้น โดยได้ระยะทางน้อย


3. เมื่อพ้นเขตน้ำท่วมแล้ว ต้องรีบหาน้ำสะอาดล้างเท้าในทันที โดยใช้น้ำสะอาดให้มากพอ ถูสบู่บริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับน้ำ เน้นตรงซอกเท้า ซอกเล็บด้วย บริเวณซอกเล็บควรใช้ แปรงอ่อนๆ จุ่มสบู่เล็กน้อยและถูเบาๆ ทำให้เชื้อโรคหรือไข่พยาธิต่างๆ หลุดออกไปได้หมด หรือจะแช่เท้าในอ่างบรรจุน้ำสะอาดสัก 15-30 นาที แล้วเช็ดเท้าให้แห้ง อาจใช้แป้งฝุ่นโรยสัก เล็กน้อยเพื่อเป็นการหล่อลื่นผิวหนัง


4. ถ้ามีอาการคันบริเวณผิวหนังซึ่งจุ่มน้ำ แสดงว่าผิวหนังได้รับการระคายเคืองมากจากสิ่งปฏิกูลในน้ำ ควรทายาแก้คัน เช่น คาลาไมน์ หรือครีมแก้คัน
อื่นๆ เช่น ไทรแอมซิโนโลน


5. สิ่งของที่เปียกน้ำ ได้แก่ รองเท้า พรมรถยนต์ เบาะรถยนต์ ควรนำไปตากแดด ให้แห้งสนิท เพื่อขจัดความชื้น รวมถึงเป็นการฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจติดค้าง อยู่ในสิ่งของดังกล่าวให้หมดไป

ตกขาวคืออะไร


ตกขาวหมายถึง สิ่งที่ถูกขับออกมาจากช่องคลอด และสิ่งนั้นไม่ใช่เลือด ดังนั้น ตกขาวจึงมีสีอะไรก็ได้แต่ส่วนใหญ่จะสีขาว ตกขาวนี่เองที่เป็นอาการที่ผู้ป่วยมาหาหมอถึงหนึ่งในสามของผู้ป่วย ที่มาตรวจภายใน ตกขาวเป็นคำเรียกที่รู้จักกันทั่วไป แต่บางคนก็เรียก ระดูขาว (ไม่ใช่ฤดูขาวระนะค่ะ) หนังสือบางเล่มก็เรียก มุตกิต ก็มี ตกขาวไม่ใช่โรคแต่เป็นอาการ ซึ่งอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คัน มีกลิ่น หรือเจ็บปวด


ชนิดของตกขาว
ตกขาวกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน เป็นผู้หญิงก็ต้องมีตกขาว การมีตกขาวไม่ได้หมายถึง การเป็นโรคหรือเป็นมะเร็ง หรือผิดปกติ นั่นก็หมายถึงว่า การมีตกขาวอาจเป็นปกติ หรือไม่ปกติก็ได้


ตกขาวปกติเป็นตกขาวที่พบได้ในภาวะปกติ ตกขาวแบบนี้มีสีขาว คล้ายแป้งเปียก มีปริมาณไม่มาก ไม่คัน กลิ่นออกเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่เหม็น อย่างไรก็ตามในบางช่วงอาจมีปริมาณมากขึ้นเล็กน้อย เช่น ช่วงก่อนมีรอบเดือน หลังมีรอบเดือน ช่วงไข่ตก หรือในภาวะตั้งครรภ์


ในตกขาวมีสารอะไรบ้าง อย่างที่บอกตกขาวหมายถึง สารที่ถูกขับออกจากช่องคลอด ซึ่งมีทั้งสิ่งที่ถูกขับออกจากต่อมต่างๆ ในระบบสืบพันธ์ ซึ่งได้แก่

1. น้ำที่หลั่งจากต่อมใต้ผิวหนัง บริเวณช่องคลอด จากต่อมสกีน (Skene's gland) ต่อมบาร์โธลิน เพื่อหล่อลื่นปากช่องคลอด

2. เซลล์เยื่อบุผนังช่องคลอดที่หลุดลอกออกมา

3. มูกจากต่อมที่ปากมดลูก

4. โปรตีน, เกลือแร่ ที่มาจากผนังช่องคลอด เยื่อบุโพรงมดลูก และหลอดมดลูก

5. กรดแลคติคซึ่งแบคทีเรียในช่องคลอดสร้างจากกลัยโคเจน ของเยื่อบุผนังช่องคลอด


ตกขาวที่ไม่ปกติก็คือ ตกขาวที่ตรงข้ามกับตกขาวปกติ กล่าวคือ มีปริมาณมาก บางครั้งไหลโจ๊กยังกะมีรอบเดือนยังไงยังงั้น มีกลิ่นเหม็น ลักษณะอาจเป็นหนอง มูกปนหนอง ปนเลือด มีฟอง และมักมีอาการอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น คัน แสบ ออกร้อนที่บริเวณปากช่องคลอด หรือมีปวดท้องน้อยร่วมด้วยก็ได้


ต้นเหตุที่ทำให้ตกขาวผิดปกติ ที่พบบ่อย 3 อันดับแรกคือ

- จากเชื้อแบคทีเรีย (bacterial vaginosis) พบได้ร้อยละ 30-35

- จากเชื้อรา, ยีสต์ (vulvovaginal candidiasis) พบได้ร้อยละ 20-25

- จากเชื้อพยาธิ trichomoniasis พบได้ร้อยละ 10

ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่พบเชื้อสองชนิดหรือมากว่าสองชนิด อยู่ร้อยละ 15-20 เรียกว่า ได้หนึ่งแถมหนึ่งว่างั้นเถอะ เชื้อ 3 ตัวนี้พบร้อยละ 90 ของผู้ป่วยตกขาวผิดปกติ


สาเหตุของการตกขาวผิดปกติ แบ่งตามตำแหน่งที่เกิดคือ
1. ช่องคลอดอักเสบ ที่พบบ่อยคือ - แบคทีเรีย (bacterial vaginosis)- เชื้อพยาธิ (trichomonas)- เชื้อรา (candida)- เชื้อไวรัส เช่น โรคเริม - เชื้อแบคทีเรียอื่นๆ
2. ปากมดลูกอักเสบ - การติดเชื้อหนองใน- การติดเชื้อคลามิเดีย- การติดเชื้อเริม
3.ปากมดลูกมีแผล, เป็นเนื้องอก

4.สิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด เช่น เศษกระดาษทิชชู, สำสี, ผ้าก็อซ, เมล็ดผลไม้, ถุงยางอนามัย เป็นต้น 5.เนื้องอกและมะเร็งมดลูก, ปากมดลูก ซึ่งตกขาวจะมีกลิ่นเหม็นมาก

6.สตรีวัยหมดระดู ขาดฮอร์โมน ก็ทำให้เกิดช่องคลอดแห้งอักเสบ มีตกขาวได้


ความสัมพันธ์ระหว่าง "วัย" กับ "ตกขาว"

วัยเด็ก มักเกิดจากความสกปรก สุขอนามัยไม่ดี ทำความสะอาดไม่เป็น หรืออาจมีสิ่งแปลกปลอม ที่เด็ก ยัดเข้าไป เช่น ยางลบ เม็ดผลไม้ กระดาษทิชชู วัยเจริญพันธุ์ มักเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ วัยหมดระดู เกิดจากการขาดฮอร์โมน

เวลาอกหักอย่าทำแบบนี้เลย


อยากร้องไห้ ร้องไปเลย


ร้องให้พอ แล้วปรับตัวปรับใจมาเริ่มต้นใหม่กันดีกว่า พยายามหางานทำ ทำงานที่ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด เอาเวลาเอาสมอง ไปคิดสิ่งที่เป็นประโยชน์ดีกว่านะคะ อย่าไปหมกหมุ่นกับสิ่งที่ทำให้เราเสียสุขภาพจิตเลยค่ะ

อย่าคิดทำร้ายตัวเอง


พ่อแม่รักเรา เลี้ยงเรามา แทบตายนะคะ ทำไมกับ ผู้ชายห่วยแตกคนเดียว ใครที่ไหน ก็ไม่รู้ เค้าทำให้เราเจ็บใจ แล้วยังไม่พอ เค้ามีค่าทำให้เรา ต้องอุทิศชีวิต ให้เลยหรือ กลับไปหา พ่อแม่นะคะ ท่านรักเรา มากที่สุด ไม่มีใคร รักเรา เท่านี้อีกแล้ว ที่ว่า ผมรักคุณ รักนักรักหนา อย่าไปเชื่อมากนักนะคะ แบ่งใจไว้บ้าง

อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัว ให้ดูไร้ค่า บางคนโมโห แล้วกินจนอ้วน บางคนก็โทรม บางคนก็ ประชดชีวิต ทำตัวเองให้มันเลวไปซะเลย มันไม่มีอะไรดีหรอกค่ะ เค้าจะยิ่ง สมน้ำหน้าเรา เราต้อง ทำตัวให้ดีขึ้น ให้เค้ารู้สึก เสียดายเราจะดีกว่า

อย่าอยู่คนเดียว

ควรหาเพื่อนคุย หรือหาอะไรทำ นะคะ จะได้ไม่คิดมาก

อย่าดูหนังโรแมนติก หรือฟังเพลงเศร้า

เพราะเราจะมีอารมณ์คล้อยตาม มันยิ่งจะเศร้าไปกันใหญ่


อย่าเอารูป หรือของเก่า ๆ มาดู




ห้ามนำของที่มีความหลัง มาดู เป็นอันขาด ดูไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกค่ะ อย่าพยายามผ่าน หรือไปใน สถานที่ ที่เคยไปด้วยกัน ที่ควรไปมีอีกเยอะ

อย่าคิดว่า ชีวิตนี้ขาดเค้าไม่ได้

ถ้าไม่มีเค้า แล้วเราจะตาย เพราะแต่ก่อน ที่ยังไม่เจอเค้า เราก็อยู่ได้ จริงไม๊คะ ดีแล้วที่ เค้าเลิกไปซะ เราจะได้มีโอกาส เจอคนดีกว่านี้อีก ต้องมีกำลังใจ อย่าท้อแท้นะคะ ชีวิต เราต้องก้าวไปข้างหน้า หาในสิ่งที่ดีกว่า


อย่าโทรศัพท์ไปง้องอนเค้าเป็นอันขาด



เสียเหลี่ยมหมด เค้าอาจจะสงสาร แล้วกลับมาดีอีก แต่มันก็คง ไม่เหมือนเดิม แล้วล่ะค่ะ จะทำไปทำไม เอามาแต่ตัว แต่หัวใจไม่มา เซ็ง!

10 ความเชื่อที่คิดว่าผู้ชายไม่ชอบ

10 ความเชื่อที่คิดว่าผู้ชายไม่ชอบคุณอาจจะพอมีความรู้มาบ้างว่า ผู้หญิงสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อยั่วยวนผู้ชาย แต่ผู้หญิงยังมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์อีกมากซ่อนเร้นอยู่ และไม่มีใครค้นพบมาก่อน เสน่ห์ของผู้หญิงน่ะใช่แค่หน้าอกบึ้บๆกับชุดรัดรึงเท่านั้นหรอกนะ ทุกเรื่องที่คุณเคยพบหรือเคยอ่านมานั้น อาจจะทำให้คุณมีอคติว่า ผู้ชายคือพวกบ้าเซ็กซ์ (ซึ่งอาจจะจริง) แต่ก็ยังมีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่รู้ว่า มีอะไรน่าสนใจอีกมากในตัวผู้หญิงยิ่งไปกว่าเสื้อคอลึกหรือช่วงขายาวๆ ต่อไปนี้คือความเชื่อ (ผิดๆ) 10 อย่างที่หยิบยกมาให้อ่านกันค่ะ



1. จริงหรือไม่ ผู้ชายไม่จีบสาวใส่แว่น


คนที่คิดแบบนั้นคงไม่เคยเห็นสุดยอดนางแบบสาวสวย คริสตี้ เทอร์ลิงตั้น ใส่แว่นกรอบลายกระ หรือดาราสาวสวยอย่าง คาเมรอน ดิอาซ ผู้หญิงใส่แว่นไม่ได้มีภาพพจน์แบบป้าๆ เด็กเรียนเชยๆหรอกนะ แต่ดูแล้วเฉลียวฉลาดดีออก เพียงแค่ผู้ชายบางคนไม่ชอบผู้หญิงที่ฉลาดกว่าเท่านั้นเอง


2. จริงหรือไม่ ระวังอย่าให้รอยตะเข็บชั้นในโผล่มาให้ใครเห็น

ถ้าว่ากันตามกฎของวงการแฟชั่นแล้ว นี่อาจเป็นข้อห้ามที่ไม่ควรเผลอทำ แต่หากคุณถามหนุ่มๆธรรมดาทั่วไปแล้ว พวกเขาจะบอว่า "รอยตะเข็บกางเกงชั้นในที่ปรากฎขึ้นมาบนกางเกงนั้นแสนจะเซ็กซี่ การได้เห็นภาพรอยเลือนราง แม้จะไกลสัก 60 เมตร ก็พอแล้วล่ะที่จะทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ชะงัก เพราะมันเปรียบเสมือนการเชื้อเชิญกรายๆบอกเป็นนัยว่า คุณจะได้ค้นพบอะไรดีๆอีกมากมาย" แต่ไม่ใช่โผล่มาครึ่งตัวนะ นั่นไม่น่าดูเลยทีเดียวล่ะ



3. จริงหรือไม่ ผู้ชายชอบผู้หญิงผมยาว

ผู้ชายหลายๆคนจะชอบผู้หญิงที่ผมยาว เพราะดูเป็นผู้หญิ๋งผู้หญิง แต่โดยมากแล้วมักจะไม่ได้ใส่ใจกับผมสั้นผมยาว ตราบเท่าที่ผู้หญิงดูแลผมตัวเองได้ดีและมีบุคลิกที่ดี ผู้ชายหลายคนชอบมองผู้หญิงผมสั้นด้วยซ้ำไป ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะพวกเขาชอบมองต้นคอขาวๆยังไงล่ะ

4. จริงหรือไม่ ผู้หญิงต้องแต่งหน้าเข้มๆเพื่อดึงดูดความสนใจ

ถ้าคุณเคยนั่งอยู่หน้ากระจก แต่งหน้าโดยโปะอายแชโดว์ ปัดแก้มเพียบ ใส่ขนตาปลอม และละเลงลิปสติกอย่างเมามันส์ แต่งหน้าจัดจนเป็นงิ้วซะงั้น ลองเปลี่ยนความคิดใหม่เถอะ แน่นอนว่าผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงที่ใส่ใจกับความงาม แต่จริงๆแล้วผู้ชายส่วนมากชอบผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้าเลย (ไม่เชื่อลองถามแฟนคุณสิ) เพราะยามไม่แต่งหน้าผู้หญิงจะดูสาวขึ้น หน้าใสขึ้น เวลาจูบก็ให้ความรู้สึกดีกว่า เพราะไม่งั้นเวลาหอมแก้มหรือจูบสาวซักที หนุ่มๆต้องฝ่าด่านเมกอัพหน้าเตอะที่เธอพอกเอาไว้ทุกที






5. จริงหรือไม่ ผู้ชายไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่ดื่มเหล้า

ถ้าดื่มบ้างก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเหมือนกัน หากยังรักษามาดกุลสตรีไว้ได้ ไม่เอะอะโวยวายเหมือนผู้ชาย ดังนั้นสำคัญตรงที่ว่า ดื่มแล้วคุณจะทำตัวอย่างไรมากกว่า



6. จริงหรือไม่ ผู้ชายชอบผู้หญิงผอมๆ

รูปร่างผอมแห้งอาจจะดูดีสำหรับการเป็นนางแบบใส่เสื้อผ้า เดินแบบบนแคตวอล์ก แต่ถ้าถามผู้ชายทั่วไปที่ปกติหน่อย พวกเขาจะบอกคุณว่าผู้หญิงเดินดินที่เขาสามารถนอนกอดได้น่ะ เจ๋งกว่าผู้หญิงที่มีแต่กระดูก ผู้หญิงผอมแห้งมองแล้วน่าประสาทผวามากกว่า ไม่มีอะไรเด็ดไปกว่าผู้หญิงหุ่นอึ๋มๆเนื้อตัวอบอุ่น น่ากอด น่าเคี้ยว นุ่มนิ่ม ผู้หญิงแบบที่ว่านี้แหละสุดยอด



7. จริงหรือไม่ ต้องใส่ชุดชั้นในเซ็กซี่ถึงจะยั่วหนุ่มได้


แบบนั้นก็ดีอยู่หรอก แต่อย่าได้ดูถูกกางเกงในแบบธรรมดา พวกสีขาวธรรมดานี่แหละ เป็นอะไรบางอย่างที่สดใส ชวนมอง เพราะดูบริสุทธิ์สะอาดช่างไร้เดียงสา เร้าอารมณ์ได้อีกแบบ


8. จริงหรือไม่ ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงที่มีอำนาจหรือความสามารถ


ผู้ชายแท้ๆมักจะมองหาสาวมาดเข้มในชุดสูททำงานเนี้ยบๆ ใส่ส้นสูงแหลมเป็นเข็มดั่งอาวุธของเธอ แบบนี้แหละเร้าอารมณ์ ถ้าไม่ตกอยู่ในอำนาจของเธอ ก็ต้องขอลองปราบเธอให้ได้ล่ะ



9. จริงหรือไม่ ผู้หญิงสวยไม่ควรมีเหงื่อออก (เวลาเหนื่อยๆแค่หน้าแดงก็พอ)

เหลวไหลน่ะ ใครคิดยังงั้นก็บ๊องแล้วล่ะ ไม่มีอะไรจะเทียบได้กับภาพเม็ดเหงื่อที่ไหลช้าๆลงมาบนใบหน้าที่แดงก่ำ หลังจากซาวน่า อาบแดด หรือออกกำลังกายมา เซ็กซี่จริงๆ ให้ตายสิ



10. จริงหรือไม่ ผู้ชายชอบผู้หญิงใส่ชุดสั้นๆรัดรูป


ถ้ามีสาวใส่ชุดสั้นรัดรูปเดินผ่านมา ผู้ชายไม่ไล่ไปหรอก แต่ผู้หญิงในชุดยาวหลวมๆน่าสนใจกว่าเยอะเลย เวลาลมพัดปลิวแนบเนื้อช่างยั่วยวนดีออก อาจจะเห็นช่วงขาอ่อนของเธอ เป็นอะไรที่เซ็กซี่สุดๆ ปล่อยให้เขาจินตนาการต่อ ตรงนี้แหละสำคัญที่สุดแล้วสำหรับหนุ่มๆทั้งหลาย

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551

อาการแอบรักเพื่อนสนิท แต่อย่าเผลอให้เค้ารู้ตัว



  • ก่อนที่คุณจะคิดแอบรักใครสักคน คุณต้องเผื่อใจไว้ เพราะการที่ไปแอบรักคนอื่น ส่วนมากมักจะไม่สมหวัง อย่าหวังอะไรมากมาย



  • ห้ามไปทำตัวเป็นเจ้าของ แบบว่าเวลาอยู่กับเพื่อน ๆ ห้ามบอกว่า คนนี้เป็นแฟนคุณ



  • ห้ามทำตัวน่าเบื่อ เวลาที่เจอคนที่คุณแอบรัก เช่น พูดแต่เรื่องของตัวเอง



  • ห้ามฉลาดจนเกินเหตุ บางทีคุณต้องทำเป็นโง่บ้าง



  • ห้ามทำท่าทางที่บ่งบอกว่าคุณชอบเค้า เพราะถ้าเค้ารู้ว่าคุณชอบเค้า เค้าจะเปลี่ยนไปอย่างทันที



  • ห้ามไปพูดเรื่องผู้ชายคนอื่นให้เค้าฟัง เพราะเค้าอาจจะคิดว่าเราชอบผู้ชายคนนั้นอยู่



  • ห้ามนั่งใกล้เค้าเกินไป เพราะเวลาที่คุณนั่งใกล้เค้า คุณก็จะรู้สึกตื่นเต้น จนเค้าสังเกตได้ มันอาจจะทำให้เค้ารู้ว่าเราแอบชอบเค้า



  • เวลาไปเที่ยว คาราโอเกะ ห้ามร้องเพลงที่เกี่ยวกับเพลงแอบรัก เพราะอาจทำให้เค้าสงสัยได้ ว่าคุณแอบชอบใครอยู่



  • เวลาที่เค้าบอกกับคุณว่า คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเค้า คุณอย่าทำหน้าไม่พอใจหรือเสียใจเด็ดขาด



  • คุณต้องแสดงความเป็นเพื่อนที่ดีคือ ถ้าเค้าต้องการให้เราช่วยเรื่องอะไร ที่เราสามารถทำได้ คุณก็ต้องตอบไปว่า "ได้อยู่แล้วฉันทำให้เธอได้เพราะเราเป็นเพื่อนสนิทกันนิ"



  • อย่าพลาด ถ้าไม่อยากเสียเพื่อนคนใดคนหนึ่งไป โดยเฉพาะ คนที่เรา