วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน



ทำไมประจำเดือนจึงมาไม่สม่ำเสมอ

ปัญหาความคลาดเคลื่อนของประจำเดือน มักทำให้เกิดความวิตกกังวลไปต่าง ๆ นานา แต่สาเหตุหลัก ๆ มักมาจากความเครียด ทำงานหนัก นอนน้อย หรืออาจจะเกิดจากการลดน้ำหนักจนขาดสารอาหาร ซึ่งทำให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องการเจริญพันธ์ผิดเพี้ยนได้ แม้จะไม่อันตรายนัก แต่หากประจำเดือนขาดหายไปนาน และมั่นใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะอาจเกิดจากการไม่มีไข่ตก เนื่องจากความไม่สมดุลทางฮอร์โมนก็เป็นได้
รอบเดือนปกติของผู้หญิงคือกี่วันโดยทั่วไป

รอบประจำเดือนของผู้หญิงอยู่ที่ 28 วันแต่ส่วนใหญ่จะตกอยู่ในช่วง 21-35 วัน และถ้านานเกินกว่า 2 เดือน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ

ปัญหาเลือดออกกระปริบกระปรอย

ส่วนใหญ่มักเกิดจาก การใช้ยาคุมกำเนิด โดยเฉพาะในคนที่ใช้ยาคุมครั้งแรก อาจมีอาการเลือดออกกระปริบกระปรอยได้ แต่อาการดังกล่าวมักจะหายไปเมื่อร่างกายปรับตัวเข้ากับฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดได้ ซึ่งมักจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ถ้ายังอาการอยู่นานกว่า 4 เดือนก็ควรจะไปพบแพทย์ค่ะ เพราะอาการเลือดออกกระปริบกระปรอย อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งปากมดลูกก็เป็นได้ แต่โรคนี้สามารถวินิจฉัยได้โดยวิธี Pap Smear นอกจากนี้โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด เช่น โรคหนองใน ก็อาจมีอาการเลือดออกกระปริบกระปรอยได้เช่นกัน
ประจำเดือนมามากกว่าเดือนละครั้ง ผิดปกติหรือไม่

ผู้หญิงบางคนอาจมีประจำเดือน เดือนละ 2 ครั้งก็เป็นไปได้ ซึ่งมีสาเหตุมาจากความหงุดหงิด การงานที่รัดตัว ทำให้เกิดความเครียด ส่งผลให้ฮอร์โมนของร่างกายปั่นป่วน ทำให้มีเลือดออกในช่วงกลางรอบเดือน หรือช่วงที่ไข่ตก แต่ในบางรายก็อาจเกิดจากปัญหาเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่ ซึ่งมักจะมีอาการปวดบริเวณเชิงกรานและหลังร่วมด้วย ซึ่งควรแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง
ประจำเดือนมามากและนานหลายวัน

โดยปกติแล้ว ผู้หญิงเราจะมีประจำเดือนนาน 7 วัน โดย2 วันแรกจะมีปริมาณค่อนข้างมาก แต่ถ้ามีประจำเดือนนานกว่า 8 วันและยังมีปริมาณมาก แม้จะเลย 2 วันแรกไปแล้ว ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย เพราะอาจเกิดจากเนื้องอกในบริเวณมดลูก ซึ่งต้องรักษาโดยการผ่าตัด

ประจำเดือนมาน้อยมาก ผิดปกติหรือไม่

ถ้าประจำเดือนมาสม่ำเสมอ แม้จะมีน้อย ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะแสดงว่าร่างกายมีการตกไข่ตามปกติ แต่ที่มีปริมาณน้อยนั้น มักพบในคนที่ใช้ยาคุมกำเนิด หรือผู้หญิงที่มีอายุมาก แต่หากมีปริมาณน้อยจนผิดปกติ โดยที่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิด ก็อาจเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนได้เช่นกัน

ห้ามออกกำลังกายในขณะที่มีประจำเดือน จริงหรือไม่

ประจำเดือนนั้น เกิดจากการลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก และจะมีอาการมดลูกบีบตัวรุนแรง จึงทำให้เกิดอาการปวดท้องได้ ในขณะที่ การออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอนเดอร์ฟิน ซึ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายหายเครียด และช่วยแก้ปวดได้ทุกชนิด เรียกว่ามีสรรพคุณเทียบเท่ายาแก้ปวดขนานเอกกันทีเดียว จึงดูไม่มีเหตุผล ที่จะเป็นข้อห้ามไม่ให้ยืดเส้นยืดสายในช่วงวันนั้นของเดือนแต่อย่างใด

ทำไมจึงห้ามไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันนั้นของเดือน

จริงๆ แล้วอาจจะไม่มีข้อห้าม แต่มีข้อควรระวัง เพราะในช่วงที่มีรอบเดือน เป็นช่วงที่ปากมดลูกเปิด เพื่อให้ประจำเดือนไหลออกมา และประจำเดือน ก็เป็นอาหารอันโอชะสำหรับเชื้อแบคทีเรีย จึงเป็นระยะที่เสี่ยงกับการติดเชื้อได้ง่าย ถ้าจะมีอารมณ์รักในช่วงนี้ ก็ควรระวังเรื่องของความสะอาด โดยให้เขาทำความสะอาดของรักของเขาเสียก่อน และควรหลั่งภายนอก เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง แต่จะให้ชัวร์ ๆ ก็ควรใช้ถุงยางอนามัย แค่นี้ก็มีความสุขกับวันนั้นของเดือนได้ และมั่นใจกับเรื่องความปลอดภัย

มีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันนั้นของเดือน จะท้องหรือเปล่า

การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันนั้นของเดือน ส่วนใหญ่มักจะปลอดภัยจากการตั้งครรภ์ ยกเว้นในผู้หญิงบางรายที่มีประจำเดือน เดือนละ 2 ครั้ง โดยจะมีเลือดออกในช่วงที่มีไข่ตก หรือในช่วงกลางรอบเดือน และเข้าใจผิดว่า นั่นคือประจำเดือน ที่เกิดจากการลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก เมื่อมีเพศสัมพันธ์กันในวันนั้น ก็มีโอกาสท้องได้มากทีเดียว เพราะเป็นระยะที่มีการตกไข่ ถ้าจะให้มั่นใจจริง ๆ ก็ควรใช้ถุงยางอนามัย นอกจากไม่ต้องกังวลกับเรื่องท้องแล้ว ยังปลอดโรคอีกด้วยค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ผลไม้ 7 ชนิด

…..สำหรับคุณผู้หญิง เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคุณสาวๆ ขอแนะนำผักผลไม้ 7 ชนิดสำหรับคุณผู้หญิงที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีสารที่เป็นประโยชน์แก่หญิงทุกวัยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย ดังนี้
1.ลูกพรุน (Prunes)


ลูกพรุนเป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด ผู้หญิงเราเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิตคือวัยยี่สิบห้า ร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมโทรม ไข มันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ มากมายใบหน้าที่เคยอวบอิ่มด้วยเลือดฝาดก็เริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณจะเป็นสีชมพู - ระเรื่อหรือซีดโทรมเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น ผิวมีความหนามากขึ้นตามวัยจนมองไม่เห็น เลือดฝาดหรือเลือดไม่มีให้ฝาด คือเป็นโรคโลหิตจางนั่นเอง พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดีพรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78 มิลลิกรัม และมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการ ดูดซึมธาตุต่าง ๆเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น หากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ ริมฝีปากแดงสด เหมือนสตรอเบอรี่แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง ดูเป็นคนที่มีสุขภาพดี สมบูรณ์ ด้วยเลือดฝาด ลองรับประทานลูกพรุนสดๆ หรือลูกพลัมดูสิค่ะ ไม่เลวเลยทีเดียว

2.ถั่ว

ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสม"ถั่วช่วยคุณได้ค่ะ" ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบีนอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่า เมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้(ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่ม-นานความอยากอาหารจะลดลง ซึ่งแน่นอนว่ามีประโยชน์กับคุณสุภาพสตรีที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมาก
3.บรอคโคลี่

เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลายเพราะบรอค-โคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติซึ่งเจ้าตัวซีลีเนียมนี้แหละค่ะที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ ซีลี-เนียมจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนังจึงทำให้ผิวดูอ่อนวัย นุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาวแถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย

4.กล้วยไข่

กล้วยทุกชนิดดีต่อสุขภาพ แต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีนโดยธรรมชาติเมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงักความเสื่อมในส่วนต่างๆของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองมีสองสิ่งที่สำคัญเกิดขี้นในร่างกายของเรา ซึ่งก็คือสิ่งแรก เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้นสิ่งที่สองความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้น ความสามารถในการจำกัดอนุมูลอิสระ(Detoxification) ก็ลดลงอย่างน่าตกใจเช่นกันดังนั้น กลยุทธ์ที่คุณจะสู้กับความแก่ด้วยตนเองก็คือคุณต้องรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระให้มากซึ่งสารนี้เรารู้จักในชื่อที่ เรียกว่าแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidants)ซึ่งในกล้วยไข่ 1 ขีด มี สารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม
5.ฝรั่ง

คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบหรือไม่คะว่าฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึง ไม่แก่ก่อน วัย วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เองที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสติน เสื่อมสภาพ ผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซีมีความสำคัญต่อการสร้าง และ บำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissue)เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่าคอลลาเจนี มันคือคอลลาเจนตัวเดียวกัน กับคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเองและเพราะฝรั่งอุดมไปด้วย วิตามินซีนั่นเอง คุณๆทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆ น่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำนะคะ

6.แอปเปิ้ล


มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ "เพคติน" แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือเจ้าตัว "เพคติน" นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนักและลดโคเลสเตอรอล หากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็ว และนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาทีดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทำให้คุณไม่รู้สึกหงุดหงิด หรืออ่อนเพลียแอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้เพราะแอปเปิ้ลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ผลจากการวิจัยชี้ว่าเมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมันและแยกโคเลส-เตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้วเพคตินจากแอป-เปิ้ลจะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้นและพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าร่างกาย


7.ส้ม


แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรม-ชาติการรับประทานส้มโดยไม่คายกาก จะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็วเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำ หนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโตหรือโดนัทชิ้นใหญ่ ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วยนะคะ

ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นสำหรับคุณๆ ผู้หญิงทุกท่านที่ต้องการรักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้งเจ็ดนี้แล้ว ผักและผลไม้อื่นๆก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกาจึงได้แนะนำขนาดในการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวันว่าควรจะรับประทานรวมกันให้ได้วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆ ทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใสปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกวนค่ะ