วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

แบบทดสอบเมื่อคุณมีรัก


สมมุติว่าเธอกำลังเดินเล่นอยู่ในป่าหิมะ กวาดสายตาไปเรื่อยๆ ก็มองเห็นแสงระยิบระยับอยู่บนพื้นที่ใต้ต้นไม้แต่ไกล และเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ พบว่าเป็นพวงกุญแจทอง เธอได้ก้มลงไปหยิบ เธอคิดว่ามันมีกี่ดอก ?(1-10)
จากนั้นได้เดินต่อไปเรื่อยๆ เธอก้อเห็นปราสาทหลังหนึ่งตั้งโดเด่นเป็นสง่า เธอคิดว่ามันเก่าหรือใหม่?

เธอเดินไปสำรวจในปราสาทพบว่ามีบ่อน้ำอยู่ 1 บ่อ มองเห็นสร้อยคอ เครื่องประดับหลายชิ้น ส่องประกายระยับระยับอยู่ในนั้น เธอคิดว่าเธอจะหยิบหรือไม่หยิบ?
และใกล้ๆ บ่อน้ำที่มีสร้อยและเครื่องประดับ มีบ่อน้ำอีกบ่อ ในนั้นมีเงินอยู่มากมาย เธอคิดว่าเธอจะหยิบหรือไม่หยิบ?


เธอเดินสำรวจไปเรื่อยๆ สายตาเหลือบไปเห็นประตูทางออกเธอจึงเดินออกมา และก็พบสวนขนาดใหญ่ มีกล่องตั้งอยู่ 1 ใบ เธอคิดว่ามันมีขนาดเท่าใด (ใหญ่/กลาง/เล็ก)ทำมาจากอะไร (เหล็ก/ไม้/กระดาษ)
-----------------------มาดูเฉลยกัน-----------------------






จำนวนของกุญแจ บอกถึง จำนวนเพื่อนแท้ที่มีอยู่



ปราสาทเก่า บอกถึง ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาระหว่างเธอกับคนรักว่า จบลงไม่ค่อยดีนัก เธอเองก็ไม่อยากจะนึกถึงมัน



ปราสาทใหม่ บอกถึง ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดของเธอกับคนรักเป็นไปในทางที่ดีถึงแม้ว่ามันจะจบไปแล้วก้อตามทว่าเธอเองก้อยังมีความรู้สึกดีๆหลงเหลืออยู่และรู้สึกดีที่คิดถึงมัน



หยิบสร้อย บอกถึง ว่าเธอมีคนรักอยู่ข้างๆเธอก็ยังเล่นหูเล่นตากับคนน่าตาดีที่ผ่านไปผ่านมาอยู่เสมอ



ไม่หยิบสร้อย บอกถึง เวลาเธออยู่กับคนรัก เธอมักจะมองแต่เขาเพียงคนเดียว และใช้เวลาอยู่กับเขาให้มากที่สุด ประมานว่าโลกนี้มีเพียงเราสอง



หยิบเงิน บอกถึงว่า เมื่ออยู่นอกสายตาคนรัก เธอมักจะแอบทดสอบเสน่ห์เรื่อยๆเหมือนได้ออกจากคุก



ไม่หยิบเงิน บอกถึงว่า แม้ว่าคนรักจะไม่ได้อยู่ข้างๆ เธอก้อยังซื่อสัตย์และภักดีต่อเขาจะไม่เผลอปันใจให้ใครอื่นทั้งนั้น



กล่องใหญ่ ระดับ Ego ในตัวเธอสูงมากๆ



กล่องกลาง ระดับ Ego ในตัวเธอพอประมาน



กล่องเล็ก ระดับ Ego ในตัวเธอมีนิดหน่อย



กล่องเหล็ก เธอมีความภูมิใจในตัวเองสูงจนบางครั้งก็ดูเย่อหยิ่ง



กล่องไม้ หรือ กระดาษ เธอนั้นช่างถ่อมตัว


จบแล้วค่ะเป็นไงบ้างค่ะตรงกันบ้างหรือเปล่าค่ะถ้ายังไงก็แสดงความคิดเห็นได้นะค่ะ.......

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ภาษารัก



คู่รักจำนวนไม่น้อยเลยที่สร้างความรักขึ้นมาด้วยใจ สานสัมพันธ์สายใยกันด้วยชีวิต แต่กลับทำลายด้วยภาษาอันไม่เข้าท่าแลไม่ควร จนเกิดความเสียหายที่ไม่ปราถนาตามมามากมาย ภาษารักจึงเป็นระบบการสื่อสัมพันธ์ของคนทั้งสอง ให้ตรงตามจริงและตามวัตถุประสงค์มุ่งหวัง เป็นภาษาที่ต้องรู้ เข้าใจ ฝึกให้ดี ใช้ให้เป็น และบริหารให้เกิดประโยชน์


1.ภาษาใจ เป็นการส่งรับด้วยจิตนิ่งเป็นหนึ่ง เมื่อจิตว่าง การรับรู้จะชัดเจน แจ่มใส และแม่นยำ การส่งการรับภาษาใจนี้จะก่อให้เกิดความเข้าใจ และความประทับใจในความสัมพันธ์กันมาก ซึ่งเป็นความจำเป็นพื้นฐานของคนสองคน ที่จะเป็นคู่ชีวิตใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

2.ภาษาสายตา เป็นภาษาที่ลึกซึ้งและเที่ยงตรงที่สุดเพราะหลอกกันไม่ได้ วิธีการส่งภาษาใจออกมาเป็นภาษาตานั้น เพียงแผ่ความรู้สึกลึกๆในใจออกมา ความรู้สึกนั้นก็จะฉายออกมาทางแววตา แววตาของมนุษย์สามารถบอกสิ่งต่างๆมากมาย จนกล่าวว่า "ดวงตา คือหน้าต่างของหัวใจ"

3.ภาษายิ้ม ยิ้มเป็นสิ่งที่บ่งบอกและแสดงความเป็นไปของผู้ยิ้ม การกำหนดยิ้ม เกิดจากสภาวะทั้งภายใน ภายนอก และจากอุปนิสัย โดยแบ่งเป็น 3 แบบของยิ้ม คือ ยิ้มแบบมีความสุข ยิ้มแบบเหนื่อยๆ และยิ้มแบบขอไปที การยิ้มมีทั้งประโยชน์และโทษ ดังนั้นเราจึงควรฝึกยิ้มให้มีเสน่ห์ และมีความสุข ดังนี้

1) ยิ้มจากใจ
2) ยิ้มหมด
3) ยิ้มเปล่งประกาย
4) ยิ้มให้พอดี
5) ยิ้มให้ปรากฎ
6) ยิ้มให้ถูกกาละเทศะ
7) ยิ้มให้ถูกวัตถุประสงค์
8) ยิ้มอย่างทรงพลัง
9) ยิ้มทั้งตา

4.ภาษาวาจา คำพูดทุกคำที่เปล่งออกมาจะมีพลังอยู่ในตัว และซึมซาบเข้าสู่ผู้ฟัง สามารถใช้สร้างสรรค์หรือทำลายก็ได้ พลังแห่งคำพูดมี 2 องค์ประกอบ คือ พลังแห่งเสียง และพลังแห่งความหมาย ดังนั้นจึงต้องกลั่นกรองวาจาก่อนเจรจาใดๆ ทุกครั้งที่พูดให้ใคร่ครวญในสิ่งที่พูดว่าเป็นจริงหรือเปล่า เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ความเข้าใจที่ถูกต้องจะต้องอยู่บนพื้นฐาน ของความจริงเท่านั้น การพูดเท็จจึงเป็นการสร้างความเข้าใจผิด และเป็นการทำลายระบบสัจจะ ก่อให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งนี้อย่าคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจความหมายได้เอง ภาษาวาจามีอานุภาพมาก มีทั้งประโยชน์และโทษถ้าไม่ระมัดระวังคำพูด ดังนั้นทุกครั้งที่พูดควรกลั่นกรองคำพูด เพื่อจรรโลงใจยังความรักให้งอกงามสถาพร

5.ภาษาท่าทาง ท่าทางอันจรรโลงรักให้ภาคภูมิ งดงาม และยังความมั่นใจในสัมพันธภาพ คือ 1) บุคคลิกอันงามสง่า 2) กิริยาที่สำรวม 3) อิริยาบถอันสมดุล 4) ท่วงท่าอันมั่นคง 5) ท่าทีจริงจังที่ปล่อยวาง จึงจะได้ความมั่นคงอันอบอุ่น และความสบายใจอันเป็นรากฐานแห่งความสุข

6.ภาษาสัมผัส เป็นอีกระบบภาษาหนึ่งที่คู่รักชอบใช้กัน เช่นการโอบกอด ภาษาสัมผัสเป็นการถ่ายทอด หรือแลกเปลี่ยนพลังระหว่างบุคคล การสัมผัสควรพิถีพิถันบรรจง อ่อนโยน ทะนุถนอม นุ่มนวลและหนักแน่นเป็นการเกื้อกูลกันให้เกิดพลังมาก สมานสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น

7.ภาษาพฤติกรรม รักแท้ที่จริงมิใช่คำพูด แต่ต้องฉายออกมาจริงทุกระดับทั้งใจ แววตา ยิ้ม วาจา ท่าทาง สัมผัส และพฤติกรรม ดังนั้นภาษาพฤติกรรมจึงเป็นภาษารักแห่งยั่งยืน

8.ภาษาสัมพันธ์ คือการจัดสมดุลให้แก่ชีวิตคู่ ให้สัมพันธภาพคงอยู่เสมออย่างบริสุทธิ์ใจ มั่นคง ลงตัว เข้ากันได้อย่างดี ให้คู่รักทั้งสองร่วมกันพัฒนายิ่งๆขึ้น จนกว่าสัมพันธภาพนั้นนิรันดร

9.ภาษาแห่งความสงบ ในบรรดาภาษาทั้งหลาย ภาษาแห่งความสงบเป็นภาษาที่ทรงอานุภาพสูงสุด เมื่อใดที่เข้าถึงความสงบได้ ความสุขจึงปรากฎ ความเข้าใจเที่ยงตรงตามจริงจึงแจ่มชัด ความตั้งใจเชิงสร้างสรรค์จึงพรั่งพรู จรรยามารยาทอันงดงามจึงส่องแสง ความอ่อนโยนจึงยังความอบอุ่นให้บังเกิดสัมผัสจึงทราบซึ้ง สัมพันธภาพจึงมั่นคง ดังนั้นภาษาแห่งความสงบจึงเป็นที่สุดแห่งภาษารักทั้งมวล


ดังนี้เองการสื่อภาษารักใดๆนั้นจะทรงพลัง มีค่าความเที่ยงตรง ความละเอียดอ่อน และความลึกซึ้ง ขึ้นอยู่กับพลังชีวิตและระดับจิตใจของแต่ละคน ต่อไปนี้ขอทุกท่านที่พึงประสงค์มีรักแท้ที่ยิ่งใหญ่ จงหมั่นฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่สื่อภาษาอย่างประเสริฐ ล้ำค่าและทรงพลัง ก็จะนำมาซึ่งความถูกต้องตรงตามเจตนา บนฐานของความจริงใจ สามารถสานสัมพันธ์กันได้ดียิ่งขึ้น และรักกันตราบนานเท่านาน ยั่งยืนสถาพร

สิวเกิดได้ไง ?




สาเหตุของสิว


เมื่อร่างกายเริ่มผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน มักเกิดขึ้นในช่วงก่อน/หลังมีประจำเดือน ซึ่งจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวขยายใหญ่ขึ้น เมื่อต่อมไขมันถูกขยายใหญ่ขึ้น จะมีน้ำมันที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตามธรรมชาติของผิว ถูกผลิตออกมามากเกินไป และในขณะที่น้ำมันเดินทางจากต่อมไขมันสู่ปากรูขุมขน เกิดไปผสมเข้ากับแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอยู่ในรูขุมขน ทำให้เกิดการเข้มข้นเป็นพิเศษจึงเกิดการอุดตันรูขุมขน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ตามปกติ เซลล์ที่ตายแล้วในรูขุมขนจะค่อย ๆ ถูกกำจัดออกสู่ปากรูขุมขนโดยน้ำมันหรือเหงื่อ แต่เมื่อฮอร์โมนแอนโดรเจนกระตุ้นให้ต่อมไขมันใหญ่ขึ้นและผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เซลล์ผิวหนังในรูขุมขนก็จะผลิตและตายเร็วขึ้นด้วย เมื่อมีเซลล์ที่ตายอยู่มาก ก็จะเกิดการอุดตันในรูขุมขนมากขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อรูขุมขนเกิดอุดตัน บวกเข้ากับเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งปกติแล้วก็อาศัยอยู่ตามผิวหนังและรูขุมขน แต่เมื่อเกิดการอุดตัน เชื้อแบคทีเรียซึ่งไม่ชอบออกซิเจน ก็จะแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็วผิดปกติ จนเกิดเป็นสาเหตุของการอักเสบในรูขุมขนขึ้น เมื่อเกิดการอักเสบขึ้นแล้ว เม็ดเลือดขาวในร่างกายก็จะฆ่าแบคทีเรีย ทำให้สิวเกิดเป็นตุ่มแดง บวม เจ็บ และเกิดเป็นหัวหนองในที่สุด

วิธีรักษา


สิวถ้ามัวแต่แก้ไขเฉพาะสิวที่เห็นภายนอกโดยไม่สนใจรักษาที่ต้นเหตุซึ่งอยู่ใต้ผิวหนัง การรักษาใดๆก็ไม่ได้ผล เช่น ใช้ผลิตภัณฑ์ทำให้หัวสิวแห้งเพียงอย่างเดียว ซึ่งนอกจากสิวจะไม่ยุบและไม่สามารถดูดซับความมันบนหัวสิวแล้วยังระคายผิว และอาจก่อให้เกิดแผลเป็นอีกด้วย ฉะนั้น วิธีรักษาสิวที่ดีที่สุดคือ การขัดผิวเพื่อลดการสะสมตัวของเซลล์ผิวที่ตายทั้งบนผิวและในรูขุมขน การฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว การดูดซับความมันและสร้างสมดุลให้กับฮอร์โมนของร่างกายเพื่อควบคุมการผลิตน้ำมัน


ล้างหน้า : ควรใช้เคลนเซอร์ที่ละลายน้ำและไม่ผสมสารที่ทำให้ระคายผิว เช่น สบู่ สครับ เพื่อเลี่ยงการกระตุ้นต่อมไขมัน ลดการอักเสบของผิว และความแห้งกร้าน ส่วนเคลนเซอร์ที่ผสมสารขัดลอกเซลล์ผิว สารยับยั้งเชื้อแบคทีเรียหรือดูดซับน้ำมันส่วนเกินจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เนื่องจากก่อนที่สารเหล่านี้จะออกฤทธิ์คุณก็ล้างออกเสียแล้ว


ขจัดเซลล์ผิว : เพราะสิวเกิดขึ้นภายในรูขุมขน และเกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมัน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ผสมกรดซาลิไซลิกซึ่งละลายในไขมัน จึงสามารถเข้าขัดลอกเซลล์ผิวเก่าในรูขุมขนได้อย่างอ่อนโยน แนะนำให้ใช้ประเภทเจลหรือโลชั่นเนื้อเบาๆ ซึ่งไม่ผสมสารสร้างความหนืดหรือสารให้ความชุ่มชื่นอันจะอุดตันรูขุมขน ส่วนสครับหรือกรด AHA มักไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากตัวช่วยขัดลอกเซลล์ผิวเฉพาะภายนอก ไม่สามารถลงลึกถึงรูขุมขนได้


ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย : แอลกอฮอล์หรือซัลเฟอร์เป็นสารฆ่าเชื้อที่ดีแต่ทำให้ผิวแห้งและระคายจนทำให้เกิดสิวใหม่ คุณจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำมีทีทรีหรือเบนซอยล์เพอร๊อกไซด์ ที่มีความเข้มข้นประมาณ 2.5% 5% หรือ 10% ส่วนการกินยาแอนตี้บอดี้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งก่อสิวได้จริง แต่จะทำลายแบคทีเรียตัวที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายไปด้วย


เพิ่มการสร้างเซลล์ผิว : คุณหมออาจใช้สารจำพวกเตรตินอยน์ ดิเฟอรีนและกรดอะเซลาอิก ซึ่งช่วยให้เจริญเติบโตได้ดี จนสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของรูขุมขน และช่วยให้การขับน้ำมันสะดวกราบรื่น


ที่พึ่งสุดท้าย : ถ้าหากสิวยังคงอยู่ทนแม้คุณจะทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบแล้วก็ตาม คุณก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพราะยังมียารับประทานอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่าสามารถรักษาสิวได้ผลดีเยี่ยม นั่นก็คืออัคคูเทน ซึ่งเป็นวิตามินเอปริมาณสูง มักใช้ในกรณีที่เกิดสิวรุนแรงและยังช่วยทำให้ผิวเนียนกระชับสวยขึ้นด้วย แต่ยาตัวนี้ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆและต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น ก่อให้เกิดความผิดปกติในการตั้งครรภ์และปัญหาทางจิต

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

การเลือกทรงผมให้เหมาะกับคุณ

รูปร่างผอมสูง

ถ้าคุณไว้ผมซอยสั้นกุดคุณจะดูเหมือนหัวเข็มหมุดเก็บทรงนี้ไว้ให้สาวขี้เล่นเขาไว้กันเถอะ ทรงที่เหมาะกับคุณ คือผมยาวแค่คางหรือยาวกว่านั้นจะทำให้คุณดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น ส่วนลุคที่ดูแล้วเซ็กซี่สำหรับคุณคือผมยาวเคลียไหล่ดัดอ่อนๆ ให้ดูเป็นลอนสวย


คนรูปร่างเล็ก

ผมที่ยาวเกินไปไม่เหมาะกับคนตัวเล็กเพราะจะดูเหมือนเด็กที่ผมยาวนึกภาพออกมั้ยแบบเด็กแปดขวบ แต่ผมยาวมากกว่าจะดูเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวและจะไม่มีใครเข้าใจผิดว่าคุณเป็นเด็กวัย 12 แน่ ถ้าคุณเลือกไว้ผมที่ดูเรียบหรูอย่างผมบ็อบ แค่ระวังว่าอย่าให้สั้นเกินไป จะได้ไม่ได้ดูเป็นทอมบอย

หน้าอกใหญ่


ทรงที่เหมาะกับคุณ ถ้าจะให้ดูดีรับกันไปหมดทั้งหน้าตาและหน้าอกผมยาวและเป็นคลื่นจะดึงสายตามาที่ผมคุณหน้าอกก็จะไม่กลายเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาลอีกต่อไป ถ้าคุณรวบผมตึง ถ้าคุณไม่อยากให้หน้าอกหน้าใจเป็นจุดเด่นเน้นแทนใบหน้า ห้ามรวบผมตึงเพราะเมื่อผมถูกดึงขึ้นไปด้านบนหน้าอกคุณก็จะกลายเป็นจุดเด่นขึ้นมาทันที

รูปร่างตรงๆ แบบผู้ชาย

เนื่องจากคุณไม่มีส่วนโค้งส่วนเว้าอยู่แล้วการไว้ผมซอยสั้นกุดจะทำให้คุณดูแมนเกินเหตุ ไว้ผมยาวเลยคางจะดีกว่าจะเป็นผมยาวตรงๆ หรือดัดปลายก็ยังได้

ปัญญาสิวที่หลัง


สาเหตุ
บางครั้งการอาบน้ำด้วยความเร่งรีบ โดยที่ไม่ได้มีการขัดถูแผ่นหลังอาจทำให้เกิดสิวขึ้นมาภายหลังได้

วิธีแก้ไข
โดยการ ชำระล้างสิ่งสกปรกด้วยการใช้แปรงถูหลังแล้วถูสบู่ฟอกผิว ล้างน้ำ ออกให้หมด ทาแอสทริงเจนต์ ตรงที่เป็นสิวอักเสบโดยไม่ต้องบีบเค้น ให้อักเสบมากขึ้น

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

7 วิธีสวย เริ่ด เชิด มั่น ^_^

7 วิธีสวยเริ่ด เชิดมั่น!!

วันๆ หนึ่งเราปล่อยให้เวลามันผ่านไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัวดูอะไรมันก็น่าเบื่อไปหมด

เราต้องลุกมาเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง รับรองว่าไม่ใช่เรื่องยากแต่ทำให้เรามั่นใจในตัวเองมากขึ้นเป็นกอง


1. หาสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต

นักจิตวิทยาบอกเอาไว้ว่าการที่เราได้ออกกำลังกายให้สารเอนดอร์ฟินหลั่ง

จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ลุกขึ้นมาเต้นนี่แหละทางเลือกที่ดีที่สุด อยู่บ้านเปิดเพลงมันๆ

ออกแรงสะบัดให้เต็มที่ หรือว่าจะลองเข้าคลาสเรียนเต้นดูก็ได้ อะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อนทำให้ตื่นเต้นดี

ดูอย่างหนังเรื่อง "Shall we dance" สิ ในที่สุด พระเอกที่ไปเรียนเต้นรำก็มีชีวิตชีวามากขึ้น

เลยพลอยทำให้ทุกอย่างดูสวยงามไปด้วย


2. เลือกใส่เสื้อผ้าในสไตล์ที่ชอบ

ไม่ว่าจะเป็นส้นสูง สายเดี่ยว เกาะอก เห็นในนิตยสารเป็นแบบไหน

ขนเสื้อผ้าออกมาจากตู้ สมมติตัวเองเป็นนางแบบได้เลย


3. เปลือยบ้างก็ได้

กลับถึงบ้านอาบน้ำเสร็จก็ยังไม่ต้องแต่งตัวหรอก ปล่อยให้ตัวเราได้เปลือยๆ บ้าง

นอนดูทีวี ทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย เราจะรู้สึกว่าตัวเองเซ็กซี่มากขึ้น แถมยังรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างไม่รู้ตัว


4. ใช้เวลาว่างในอ่างอาบน้ำ

วันไหนที่ว่างๆ เปิดน้ำเต็มอ่าง เอาสบู่มาตีฟองให้หอมๆ ลงไปแช่

นอนร้องเพลง อ่านหนังสือ ขอบอกว่ารู้สึกสบายสุดๆ


5. มองตัวเองในแง่ดี

พอนึกถึงตัวเองทีไร ก็นึกได้แต่ว่า "ทำไมเราอ้วนจัง" ทำไมเราหุ่นไม่ดี ไม่สวยเหมือนคนอื่น

จริงๆ แล้วเพื่อนหรือว่าคนที่แคร์เราเขาไม่ได้มองเห็นคุณค่าของเราที่ตรงนั้นเสมอ

ลองนึกถึงสิ่งที่เพื่อนๆ บอกดูว่าเขารักเราเพราะอะไร มันจะทำให้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น


6. จุดเทียนหอมสร้างบรรยากาศ

ปิดไฟในห้องนอนก่อนเถอะ เปลี่ยนมาจุดเทียนหอมแทนดีกว่า

นอกจากกลิ่นหอมๆจะทำให้ผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ผิวเราดูสวยขึ้นอีกด้วย


7. ชื่นชมศิลปะบ้าง

เดี๋ยวนี้มีงานนิทรรศการน่าดูเยอะแยะ ลองหาโอกาสไปเดินเล่นดูสิ

จะเป็นงานอาร์ต หรือว่างานเพลงพวกออเคสตร้าก็ได้ น่าทึ่งดีนะ ไม่รู้ว่าคนเขาทำงานพวกนี้เอาแรงบันดาลใจมาจากไหน

น่าเอามาเป็นต้นแบบจริงๆ

วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

นิสัยสาวไร้สวย

ละทิ้งนิสัยที่ทำให้สาวสวยอย่างเราไร้สวยกันดีกว่านะคะ...

1. เข้านอนโดยไม่ได้ล้างหน้า หากเป็นแค่ลิปสติกเล็ก ๆ น้อย ๆ คงจะไม่หนักหนา แต่ทว่านอนหลับไปทั้งเมคอัพ รองพื้น แป้งฝุ่น อายแชโดว์ มาสคาร่า คงจะไม่ดีแน่ค่ะ เพราะเครื่องสำอางรวมทั้งคราบเหงื่อไคลและฝุ่นละออง จะทำให้รูขุมขนอุดตัน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ริ้วรอย และทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น

2. บีบสิว ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด นอกจากสิวนั้นจะสุกจนหัวใกล้ระเบิดออกมาเท่านั้น การแกะ เกา บีบ จะทำให้แบคทีเรียแพร่กระจายภายใต้ผิว ทำให้เกิดสิวมากขึ้นไปอีก และจะทิ้งรอยจารึกอยู่บนผิวคุณอีกนานนับเดือน


3. ยืมเครื่องสำอางกันใช้ ห้ามอย่างเด็ดขาด แม้กระทั่งดินสอเขียนขอบปากหรือลิปสติก เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคืองบริเวณปาก หากผู้ที่เราหยิบยืมของมา เป็นโรคปากเปื่อย เฮอร์พีซ ไวรัส ซึ่งอาจติดต่อถึงเราได้ เครื่องสำอางรอบดวงตาก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นดินสอเขียนตา อายไลเนอร์ เพราะอาจทำให้เราติดเชื้อพวกตาแดงได้




4. หน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลา เมื่อเวลาเครียด ประสบปัญหา สาวสวยอย่างเรามักลืมตัวชอบทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ซึ่งการทำเช่นนี้ก่อให้เกิดริ้วรอย เมื่อรู้ตัวว่ากำลังคิ้วขมวด ให้รีบแก้ไขด้วยการเบิกตาให้ดูกว้างขึ้น ยิ้มหวาน ๆ และท่องในใจว่า ไม่เครียด เดี๋ยวแก่...





5. กัดเล็บ การกัดแทะเล็บนั้นแสดงถึงความเป็นคนไม่ใส่ใจในบุคลิก นอกจากนี้ในด้านสุขภาพยังอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ลองส่องกล้องจุลทรรศน์ดู จะเห็นเชื้อโรคพวกแบคทีเรียเกาะอยู่ตามเล็บของเราเต็มไปหมด



6. ใช้สบู่ล้างหน้า สบู่เป็นตัวการทำลายน้ำหล่อเลี้ยงผิว นอกจากจะทำให้ผิวแห้งแล้ว ยังทิ้งสารตกค้างที่เป็นสารชะล้างไว้บนผิวอีกด้วย ซึ่งทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่มีส่วนผสมของสบู่ เพื่อรักษาความสวยของผิวพรรณไว้จะดีกว่าค่ะ







7. ชอบจับต้องใบหน้า นั่งเท้าคาง การที่เราใช้มือจับต้องสิ่งต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน แล้วมาจับต้องใบหน้า เกาและเท้าคาง เป็นการถ่ายทอดเชื้อโรคสู่ผิวหน้า ทำให้เกิดสิว และผื่นต่างๆ ได้ง่าย










8. เลียริมฝีปากอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นนิสัย หรือการพยายามสร้างความเซ็กซี่ให้แก่เรียวปากก็ตามที ควรเลิกนิสัยนี้โดยเด็ดขาดเพราะผิวปากจะแห้งกร้าน ลองหันมาใช้ลิปสติกปกป้องบำรุงริมฝีปากแทนจะดีกว่าค่ะ









9. ดึงทึ้งเส้นผมเล่น เป็นนิสัยที่ควรละเว้น เพราะจะทำให้เส้นผมอ่อนแอ หลุดร่วงได้ง่าย การรวบผมตึงแน่นเกินไปเป็นประจำก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง









10. ยืนงอ ห่อตัว แม้จะสวยกว่านางงาม หากยืนห่อไหล่ ห่อตัว จะทำให้ดูไม่สง่างามเลย นอกจากจะเสียบุคลิกแล้ว อาจทำให้ปวดหลังและเป็นโรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารได้ค่ะ ทราบแบบนี้แล้ว ข้อไหนที่ยังปฏิบัติอยู่ ถ้าลด ละ เลิก ได้ เราก็จะเป็นสาวสวยอย่างสมบูรณ์แบบได้แน่นอนค่ะ...

การดูแลผิวหน้าแต่ละแบบ

ผิวของแต่ละคน มีลักษณะที่ต่างกัน จึงย่อมต้องมีการดูแลที่ไม่เหมือนกัน

ก่อนอื่นมาตรวจสอบกันก่อนว่า คุณมีผิวชนิดใด

ล้างหน้าให้สะอาด แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถ้าทำการตรวจสอบทันทีหลังล้างหน้า อาจทำให้คลาดเคลื่อนได้ เพราะแม้แต่คนที่หน้ามันสุด ๆ ยังดูแห้งได้หลังจากล้างหน้าใหม่ ๆ จึงควรทิ้งเวลาออกไป เพื่อดูการทำงานของต่อมไขมัน

โดยใช้กระดาษนุ่ม ๆ บาง ๆ ปิดหน้า ถ้ากระดาษติดหน้าแสดงว่าผิวมัน ถ้าไม่ติดหน้าเลยแสดงว่าผิวแห้ง ถ้ากระดาษติดหน้าเพียงบางส่วนโดยเฉพาะบริเวณทีโซน แสดงว่าคุณมีผิวปกติ



ผิวแห้ง เป็นผิวที่ไม่สามารถรักษาความชุ่มชื้นไว้ได้ ทำให้ใบหน้าดูไม่มีชีวิตชีวา และมีโอกาสเกิดรื้วรอยเหียวย่นได้ง่ายกว่าผิวประเภท อื่น ๆลักษณะของคนผิวแห้ง ...บริเวณแก้มด้านล่างที่ต่อกับคาง และผิวใต้ตาจะดูแห้ง บางครั้งจะลอกเป็นขุย

วิธีดูแล หลีกเลี่ยงการใช้โลชั่นเช็ดผิว เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้นทางทีดีควรใช้น้ำเปล่าล้างหน้าในช่วงเช้า ส่วนช่วงเย็น ซึ่งต้องล้างเครื่องสำอางออก ควรเลือกใช้ ครีมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ซึ่งจะรู้สึกผิวลื่น ๆหลังล้างหน้า ส่วนก่อนนอน ควรบำรุงผิวหน้าด้วยครีมบำรุง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าสำหรับคนที่หน้าแห้งมาก จนแตกเป็นลายงา ให้เพิ่มมอยเจอร์ไรเซอร์ ในช่วงเช้าและกลางวัน แต่คนผิวแห้งก็มีข้อดี คือ รูขุมขน มักกระชับมองดูหน้าเนียนและไม่ค่อยมีปัญหาใบหน้ามันย่อง จนทำให้แต่งหน้า ไม่ติดทน



ผิวมัน ผิวประเภทนี้ จะมีความมันกระจายอยู่ทั่วใบหน้า และจะมีความมันมากเป็นพิเศษบริเวณทีโซน...หรือแถวหน้าผาก คาง และจมูก คนผิวมันดูเหมือนว่า จะเกิดริ้วรอยได้ยากกว่าคนผิวแห้ง แต่ก็ทำความสะอาดได้ยากกว่า และเนื่องจากต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ จึงทำ ให้รูขุมขนใหญ่ ผิวหน้าดูหยาบกว่าคนผิวแห้ง ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของคนผิวมัน คือ เมื่อไขมันออกมาเคลือบใบหน้ามาก ๆ เข้า ทำให้ใบหน้าดูมันย่อง หน้าตาไม่สดใส แต่งหน้าก็มักไม่ติดทน

วิธีดูแล เลือกใช้สบู่อ่อน ๆ หรือเจลใสล้างหน้า และไม่จำเป็น ต้องล้างหน้าบ่อย ๆ ถ้าหน้ามันมาก ให้ใช้กระดาษซับหน้า คอยดูดซับน้ำมันออก จะช่วยให้ผิวหน้าผ่องขึ้นได้ ส่วนเครื่องสำอาง เลือกใช้ชนิด Oil-free เพื่อไม่ให้ใบหน้าดูมันเยิ้ม



ผิวปกติ จริง ๆ แล้วคนส่วนใหญ่ มักมีผิวลักษณะนี้ คือ จะมีน้ำมันเคลือบผิวบาง ๆ บริเวณทีโซน คือส่วนของหน้าผาก และจมูก จะมีความมันมากกว่าส่วนของแก้ม ในขณะที่ผิวรอบดวงตาและส่วนของแก้มลงมาจนถึงคอ จะดูแห้งกว่าบริเวณทีโซน

วิธีดูแล ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ และไม่ควรใช้โลชั่นทีมีส่วนผสมของแอลกฮอล์ เพราะจะทำให้คุณเป็นคนผิวแห้งได้ ส่วนการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ให้เลือกทาเฉพาะส่วนของของแก้ม และผิวรอบดวงตา เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอย

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ถนอมมือและเล็บให้แข็งแรงอยู่เสมอ



สาว ๆ หลายคนมักประสบปัญหาเล็บเปราะ หักง่าย เหลืองซีด และพื้นผิวของเล็บไม่เรียบเนียน อาการเหล่านี้คือสัญญาณเตือนว่า เล็บคุณต้องการการดูแลอย่างจริงจังแล้ว 8 วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้เล็บของคุณกลับมาแข็งแรง สีขาวอมชมพู และเรียบเนียนอีกครั้ง


1. บำรุงเล็บด้วยการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก (ผลไม้รสเปรี้ยว.นม.ไข่ และตับ)


2. คืนความชุ่มชื่นให้เล็บด้วยการนวดด้วยน้ำมันมะกอก หรือวิตะมินอี


3. แช่เล็บในน้ำนมอุ่นสัก 10 นาที ก่อนตัดเล็บหรือทาสีเล็บ แคลเซียมในน้ำนมจะช่วยให้เล็บแข็งแรง และไม่เปราะหักง่าย


4. ก่อนทาเล็บควรทาซูเปอร์โค๊ตสำหรับเคลือบเล็บไว้หนึ่งชั้นก่อน ป้องกันไม่ให้เล็บสัมผัสสารเคมีจากยาทาเล็บโดยตรง


5. หลีกเลี่ยงกันทาเล็บ หรือต่อเล็บติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรปล่อยให้เล็บได้พักผ่อนด้วยการไร้สีสัน และสิ่งแปลกปลอมสักระยะ


6. บำรุงมือ และเล็บด้วยผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรขึ้นเพื่อมือ และเล็บโดยเฉพาะเป็นประจำ


7. สวมถุงมือทุกครั้งเมื่อมือ และเล็บของคุณต้องรับบทหนักจากงานบ้าน


8. ดื่มน้ำเยอะๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ